กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--อายิโนะโมะโต๊ะ
“อายิโนะโมะโต๊ะ” จัดกิจกรรม Unlock Umami Factory เปิดบ้านต้อนรับนักข่าวเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสอูมามิ จ.กำแพงเพชร
“อายิโนะโมะโต๊ะ” ไขกุญแจเปิดบ้านต้อนรับผู้สื่อข่าวเข้าเยี่ยมชมโรงงานเครื่องปรุงรสอูมามิ ได้แก่ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ? และวัตถุปรุงแต่งรสอาหารไรโบนิวคลีโอไทด์ ภายใต้ชื่อ อายิไทด์ ไอพลัสจี? ที่จังหวัดกำแพงเพชร ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดผงชูรสด้วยส่วนแบ่งกว่า 90% จากมูลค่าการตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาท) และเป็นผู้ผลิตไรโบนิวคลีโอไทด์ หนึ่งเดียวในประเทศไทย และยังครองความเป็นผู้ใช้แป้งมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต มากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ กว่า 20% ของผลผลิตทั้งหมด โดยมุ่งเน้นกระบวนการผลิตที่สะอาดด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายทองดี ปาโส ผู้จัดการโรงงานกำแพงเพชร บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยผ่าน Unlock Umami Factory กิจกรรมการนำผู้สื่อข่าวเข้าชมโรงงานฯ ว่า ปัจจุบัน โรงงานกำแพงเพชร ผลิตเครื่องปรุงรสอูมามิ 2 ชนิด ประกอบด้วย ผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ? ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ 2 แห่ง คือ ที่โรงงานอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีกำลังการผลิตประมาณ 60,000 ตัน/ปี และที่โรงงานจังหวัดกำแพงเพชร มีกำลังการผลิตประมาณ 40,000 ตัน/ปี รวมกำลังการผลิตปีละประมาณ 100,000 ตัน/ปี ปัจจุบัน อายิโนะโมะโต๊ะ? ยังครองความเป็นผู้นำตลาดผงชูรสเป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 90% จากมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท (หนึ่งหมื่นล้านบาท) นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขยายฐานการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งก่อตั้งโรงงานบรรจุผงชูรสในต่างประเทศโดยเฉพาะในแถบเอเชีย ได้แก่ อินเดีย กัมพูชา และบังคลาเทศ เป็นต้น
สำหรับ ไรโบนิวคลีโอไทด์ ภายใต้ชื่อ อายิไทด์ ไอพลัสจี? เป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหารอีกรูปแบบหนึ่ง ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง ซอสปรุงรส น้ำปลา อาหารแช่แข็งฯลฯ ซึ่งปัจจุบัน แหล่งผลิตมีเพียงรายเดียวในประเทศไทยคือ โรงงานกำแพงเพชรแห่งนี้ โดยเน้นตลาดส่งออกเป็นหลักถึง 95% เช่น จีน ญี่ปุ่น ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิคและสหภาพยุโรป (EU) เป็นต้น ส่วนผลผลิตอีก 5% จะจัดจำหน่ายภายในประเทศ มูลค่าการตลาดรวมประมาณ 40,000 ล้านบาท (สี่หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ ผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ? และ ไรโบนิวคลีโอไทด์ อายิไทด์ ไอพลัสจี? ผลิตจากวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ ได้แก่แป้งมันสำปะหลัง โดย “อายิโนะโมะโต๊ะ” เป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรของประเทศ เนื่องจากใช้แป้งในปริมาณสูงถึง 250,000-300,000 ตัน/ ปี เทียบเท่ากับปริมาณหัวมัน 1.2 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นผู้ใช้แป้งมันสำปะหลังมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ หรือประมาณ 20% ของผลผลิตทั้งหมด
กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะในประเทศไทย ตระหนักและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม จะเห็นได้จากการก่อตั้งบริษัท เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2544 เพื่อเป็น “บริษัทต้นแบบทางธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม” ของกลุ่มบริษัทฯ ในการจัดการกับ “ผลิตภัณฑ์ร่วม” ที่ได้จากกระบวนการแยกผลึกของผงชูรส และได้รับการปรับปรุงและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ทางการเกษตรได้อีกหลายชนิด เช่น วัสดุปรับปรุงดินชนิดน้ำ ภายใต้แบรนด์ อามิ-อามิ?, ปุ๋ยอินทรีย์เคมีชนิดเม็ดคุณภาพสูงใช้ได้กับพืชหลากหลายชนิด ภายใต้แบรนด์ อามิเมท?, ปุ๋ยเคมีชนิดน้ำใช้ฉีดพ่นพืชทางใบ ภายใต้แบรนด์ อายิโฟล?, อาหารเสริมโปรตีนสำหรับสัตว์ ภายใต้แบรนด์ อายิทีน? เป็นต้น
นอกจากนี้ โรงงานกำแพงเพชร ได้มีนโยบายและแนวปฏิบัติที่เคร่งครัดต่อการอนุรักษ์ และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพอื่นๆ มากมาย อาทิ :
1. การดำเนินนโยบาย และแนวทางป้องกันมลภาวะต่างๆ อย่างเคร่งครัด เช่น ของเสียและน้ำทิ้งที่จะปล่อยออกจากโรงงานต้องดีกว่าหรือเป็นไปตามค่ามาตรฐานที่ราชการกำหนด ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
2. การใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิงทางชีวภาพในการผลิตไอน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมันเตา ซึ่งกระบวนการนี้สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลงได้ถึง 4%
3. โครงการศึกษาและพัฒนาการใช้น้ำทิ้งในการผลิตก๊าชชีวภาพไว้เป็นแหล่งพลังงาน
“บริษัทฯ ได้ใช้งบประมาณในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน ด้วยการดำเนินธุรกิจตามแนวทางธุรกิจเชิงนิเวศ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ ด้วยการจัดหาวัตถุดิบ รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์และบริการ ตลอดจนพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลจากการมุ่งมั่นและทุ่มเททั้งหลายที่ได้กล่าวข้างต้น ทำให้โรงงานกำแพงเพชรได้รับการรับรองจากสถาบันต่างๆ มากมาย เช่น เมื่อปี พ.ศ. 2551 องค์การบริหารการจัดการก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติ รับรองว่าโครงการการใช้พลังงานชีวมวลจากแกลบเพื่อมาผลิตไอน้ำในแทนการใช้น้ำมันเตา มีส่วนช่วยลดสภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงเป็นอย่างมาก และใน ปี พ.ศ. 2555 โรงงานฯ ก็ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำทิ้ง ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางกลไกการพัฒนาที่สะอาดเช่นกัน ซึ่งสามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกกว่า 80,000 ตัน/ปี และยังได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารสิ่งแวดล้อม ISO14001 และรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ อีกหลายรางวัล ทั้งนี้ โรงงานฯ จะยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับกฏหมายและระเบียบข้อบังคับต่างๆตลอดจนการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนที่เราดำรงอยู่” ด้วยความมุ่งมั่นที่ว่า “อายิโนะโมะโต๊ะ เติบโตเคียงคู่สังคมไทย” นายทองดี กล่าวปิดท้าย