กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--กรมส่งเสริมการส่งออก
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ชู 7 กลยุทธ์ปี 56 หลังเปลี่ยนชื่อ พุ่งเป้าผลักดันเพิ่มความแกร่ง“เอสเอ็มอี-โอท็อป”เป็นผู้ผลิตสินค้าคุณภาพสูงแข่งขันในเวทีการค้าโลก เร่งใช้ประโยชน์เออีซี-เอฟทีเอ ชี้ช่องทางตลาดแนวโน้กมออนไลน์-เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กรมฯจึงได้ปรับเปลี่ยนบทบาทและภารกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยวิสัยทัศน์ปี 2556 “เป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศชั้นนำของเอเชีย”ภายใต้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ที่เน้นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทั้ง 2 ทาง คือการส่งเสริมการส่งออกและส่งเสริมการนำเข้าวัตถุดิบ เทคโนโลยีและแรงงานฝีมือ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสร้างเสถียรภาพทางการค้าระหว่างประเทศ
“ในปี 2556นี้ ภายใต้ยุทธศาสตร์การผลักดันการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและธุรกิจบริการของไทยในเชิงรุกอย่างบูรณาการ เพื่อให้สอดรับกับพันธกิจ 3 ด้าน คือ 1.การขยายตลาดสินค้าและบริการของไทย 2.พัฒนาและส่งเสริมการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและธุรกิจบริการส่งออกอย่างต่อเนื่อง และ 3.เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดอาเซียนและตลาดโลก”นางนันทวัลย์ กล่าวและว่า กรมฯได้จัดทำแผนกลยุทธ์ 7 กลยุทธ์ ดังนี้ 1.พัฒนาและส่งเสริมสินค้าและธุรกิจบริการที่มีมูลค่าเพิ่มและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2.พัฒนาและส่งเสริมการค้าออนไลน์ 3.พัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่เวทีการค้าระหว่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีและโอท็อป 4.ส่งเสริมการลดต้นทุนและการสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ทางการค้า 5.รักษาตลาดหลัก เน้นขยายตลาดใหม่ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ เออีซี 6.สร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานประเทศผู้ผลิตสินค้าคุณภาพสูง และ7.พัฒนาบุคลากรและระบบข้อมูลการค้าอย่างต่อเนื่อง”
ในการขยายตลาดสินค้าและบริการไทย แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากตลาดหลัก ทั้งจากสหภาพยุโรป(อียู) สหรัฐฯและญี่ปุ่น ซึ่งประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ทางกรมฯได้จัดเตรียมแผนงานในการผลักดันการค้าในปี 56 ไว้รวมประมาณ 463 โครงการ จากปี 55 ที่ดำเนินกิจกรรมประมาณ 411 โครงการ จะเน้นหนักในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก-นำเข้า อาทิ การจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศการนำเอกชนเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ96 งานการจัดงานแสดงสินค้าไทยในต่างประเทศกับจัดไทยแลนด์เทรดโชว์ในอาเซียนรวม 22 ครั้ง จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพสินค้าหรือผู้นำเข้าในต่างประเทศการจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศมากกว่า 2,000 ราย เป็นต้น
กรมฯได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน(เออีซี) จึงมีโครงการสำคัญของกรมฯในปี 56 อาทิ โครงการ “ต้นกล้าทูโกล” เพื่อเตรียมความพร้อมและเสริมศักยภาพการแข่งขันให้แก่เอสเอ็มอีไทยที่มีศักยภาพส่งออก โดยจะนำเข้าร่วมกิจกรรมหลากหลายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแบบเชิงลึก เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การให้คำปรึกษาแนะนำแบบตัวต่อตัว การพัฒนาบรรจุภัณฑ์โดยผู้เชี่ยวชาญให้มีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการส่งออก พาออกงานแสดงสินค้า และเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าต่างประเทศ เดินทางไปดูงานทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อจะให้เอสเอ็มอีเหล่านี้ มีความพร้อมที่สุดสำหรับการประกอบธุรกิจหลังจากเปิดเออีซี
นอกเหนือจากการพัฒนาตนเองแล้ว ยังมีแนวทางในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอีในลักษณะเครือข่ายทางธุรกิจ(Cluster & Networking) และการวางแผนสำรองเพื่อพร้อมรับความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจนั้น จะนำมาซึ่งการลดต้นทุนและสร้างอำนาจต่อรองในลักษณะของ Win-Win ทั้งต่อคู่ค้าและลูกค้า อีกทั้งยังสร้างขยายเครือข่ายไปยังผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทาน(Supply Chain)
นอกจากนี้กรมฯยังได้จัดตั้งศูนย์บริการให้ข้อมูลแก่นักธุรกิจที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.)ในอาเซียน 9 สำนักงาน ได้แก่ สคต. ณ กรุงจาการ์ตา(อินโดนีเซีย) กรุงย่างกุ้ง(พม่า) กรุงกัวลาลัมเปอร์(มาเลเซีย) กรุงฮานอย(เวียดนาม) กรุงพนมเปญ(กัมพูชา) เป็นต้น , การพัฒนาระบบข้อมูลการค้าและการลงทุนเชิงลึก ซึ่งเป็นข้อมูลเออีซีบนเว็บไซต์กรมฯ และเชื่อมโยงกับเว็บไซต์หน่วยงานต่างๆ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในอาเซียน 9 งาน และการจัดไทยแลนด์ เทรด โชว์ 13 งาน เป็นต้น
ก่อนหน้านี้กรมฯได้เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษ เป็น "Department of International Trade Promotion" ใช้ตัวย่อว่า DITP ตั้งแต่มกราคม 2555 ส่วนชี่อภาษาไทยสำนักราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 กันยายน 2555เปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมการส่งออก เป็น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน2555 เป็นต้นไป
สำนักประชาสัมพันธ์ กรมส่งเสริมการส่งออก
โทร.(02) 507-7932-34