กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--บลจ.ฟินันซ่า
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันโดยคาดว่า มีโอกาสต่ำมากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมีความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายอันเนื่องมาจากการส่งออกของไทยชะลอตัวอย่างมากและลดแรงจูงใจของเงินทุนต่างประเทศไม่ให้ไหลเข้ามาหาผลประโยชน์ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไทยและประเทศตะวันตกซึ่งจะส่งผลเสียให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ดังนั้น นักลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ควรลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ ที่ยังให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ ขณะนี้ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะลดดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต
กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3เดือน2 (FAM FIPR3M2) จะเปิดเสนอขายครั้งที่ 2 ตั้งแต่ 2 - 9ตุลาคม 2555 นี้ ด้วยประมาณการผลตอบแทนที่ 3.22% ต่อปี โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท นักลงทุนสามารถใช้ช่องทางการลงทุนใหม่ล่าสุดของบริษัทโดยซื้อกองทุนผ่านระบบอินเตอร์เนต skype ได้ที่ศูนย์บริการเคทีซี ทัช 14 สาขา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02 352-4050
FAM FIPR 3M2 เป็น specific fund หรือกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีนโยบายที่จะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือ เงินฝาก ของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) โดยในครั้งนี้เราจะลงทุนใน
เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงิน USD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao, ธนาคาร CIMB, Niaga, Indonesia หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** ตั๋วแลกเงิน บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ(1991) (BBB) ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง(BBB+) หรือ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+) ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป*** ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
เราจะเปิดให้มีการซื้อและขายคืนหน่วยลงทุน ทุก ๆ 3 เดือนโดยประมาณ นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม กองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนและ/หรือ เงินฝาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร ในระยะเวลานานประมาณ 3 เดือนสำหรับการลงทุนแต่ละรอบ กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศซึ่งเราจะทำการการป้องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับรอบการลงทุนของการสั่งซื้อหน่วยลงทุนครั้งที่ 2
อัตราผลตอบแทนโดยประมาณเท่ากับ 3.22% ต่อปี ซึ่งคำนวณจากการลงทุน สำหรับรอบระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
ตราสารที่ลงทุน*** ผลตอบแทนของตราสารในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) สัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในรูปสกุลเงินบาทโดยประมาณ (ต่อปี) ระยะเวลาการลงทุนโดยประมาณ
เงินฝากธนาคารต่างประเทศ สกุลเงินUSD หรือ CNY กับธนาคาร BOC, Macao, ธนาคาร CIMB,Niaga,Indonesia หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank,UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ** 3.30%* 40.00% 1.32% 3 เดือน
ตั๋วแลกเงิน บมจ. ดั๊บเบิ้ล เอ(1991) (BBB) 4.10% 22.00% 0.90% 3 เดือน
ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง(BBB+) หรือ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+) 3.48% 22.00% 0.76% 3 เดือน
ตราสารหนี้ บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป*** 3.30% 15.50% 0.51% 3 เดือน
ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 2.99% 0.50% 0.01% 3 เดือน
ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน (ต่อปี) (0.28%)
อัตรารับซื้อคืนโดยประมาณ (ต่อปี) 3.22%
- หมายเหตุ: *โดยอัตราผลตอบแทนที่เสนอโดยผู้ออกตราสารและมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน USD หรือ CNY หรือ AED เป็นเงินบาทแล้ว(ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม2555) ** เงินฝากธนาคารออมสิน หรือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ตั๋วเงิน หรือ หุ้นกู้ ธนาคารเกียรตินาคิน,ธนาคารไอซีบีซี(ไทย), ธนาคารทิสโก้,ธนาคารทหารไทย,ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย,ธนาคารกรุงไทย,บริษัททุนธนชาต,ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2555 )
- ***ตั๋วแลกเงินหรือหุ้นกู้ เช่น หุ้นกู้ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา , บมจ.บัตรกรุงไทย (BBB+), บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), บมจ.แสนสิริ (BBB+), บมจ. เอสซี เอสเซท (BBB+), บมจ.มั่นคงเคหะการ (BBB+), บมจ.ถิรไทย (BBB+), บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (A), บมจ.เอเชียน พร็อพเพอร์ตี ดีเวลล็อปเมนต์ (A), บมจ. ศุภาลัย (A-), บมจ.ภัทรลีสซิ่ง (A-), บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (A-), บมจ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (A-), บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ลิส (A+), บมจ.พฤกษา (A), ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade)
- - หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผลการประมูลของตราสารไม่เป็นไปตามที่กำหนด ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้
- - ทั้งนี้ ตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุน และประมาณการค่าใช้จ่าย อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร
- - กองทุนจะถือทรัพย์สินที่ลงทุนตลอดรอบการลงทุนแต่ละรอบ 3 เดือนโดยประมาณ
- หากผู้ถือหน่วยไม่ส่งคำสั่งขายคืนหน่วยลงทุนมาภายในวันและเวลาที่กำหนดในการเปิดรับซื้อคืนหน่วยลงทุน บริษัทจัดการจะถือว่าผู้ถือหน่วยลงทุนประสงค์ที่จะลงทุนต่อไปในรอบการลงทุนถัดไป
- บริษัทจัดการสงวนสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงตราสารที่ลงทุน สัดส่วนการลงทุนและประมาณการค่าใช้จ่าย สำหรับการลงทุนในแต่ละรอบทุก 3 เดือนโดยประมาณ โดยไม่ถือเป็นการแก้ไขโครงการ โดยจะแจ้งรายละเอียดการลงทุนดังกล่าว ในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปและหรือเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ ให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า
- การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
- การลงทุนในหน่วยลงทุนมิใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงของการลงทุน ผู้ลงทุนควรลงทุนในกองทุนเมื่อเห็นว่าการลงทุนในกองทุนนี้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้
- ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ ผู้ลงทุนอาจได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน
- ในกรณีที่กองทุนนี้ไม่สามารถดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องได้ ผู้ลงทุนอาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้
- เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศบางส่วน จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด
- กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศที่กองทุนไปลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจมีผลกระทบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
- กองทุนจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน (Fully Hedged)
- ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจและควรเก็บหนังสือชี้ชวนไว้เป็นข้อมูลเพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต และเมื่อมีข้อสงสัย ให้สอบถามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนให้เข้าใจก่อนซื้อหน่วยลงทุน