ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทีพีไอ โพลีน” ที่ “BBB+/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 2, 2012 15:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสามของประเทศ และเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก LDPE (LDPE Homopolymer) และ EVA (LDPE Copolymer) รายใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการควบคุมต้นทุนที่บริษัทริเริ่มดำเนินการ และภาระหนี้ที่ต่ำในปัจจุบัน อย่างไร ก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมถึงแรงกดดันด้านต้นทุนจากราคาถ่านหินที่ผันผวน ประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินที่ค่อนข้างสั้นของบริษัทหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ และภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจปูนซีเมนต์เอาไว้ได้ในระยะปานกลาง อีกทั้งจะยังคงรักษาผลประกอบการในธุรกิจเม็ดพลาสติกในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 30% ในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัททีพีไอ โพลีน ดำเนินธุรกิจ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์และธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก บริษัทมีรายได้ในปี 2554 อยู่ที่ 25.7 พันล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์คิดเป็น 58% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากธุรกิจเม็ดพลาสติกคิดเป็น 30% บริษัทก่อตั้งในปี 2530 โดยตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคิดเป็น 57% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัททีพีไอ โพลีนเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสามของประเทศ โดยมีกำลังผลิตที่ 9 ล้านตันต่อปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างคงที่ที่ประมาณ 18% บริษัทมีสายการผลิตปูนซีเมนต์ครบวงจรตั้งแต่การผลิตปูนเม็ด ปูนซีเมนต์ ปูนสำเร็จรูป และคอนกรีต โดยความต่อเนื่องในสายการผลิตปูนซีเมนต์ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดและมีโครงสร้างต้นทุนที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ผันผวนถือเป็นความเสี่ยงสำคัญในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ บริษัททีพีไอ โพลีนเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก LDPE และ EVA รายใหญ่ของประเทศด้วยกำลังการผลิตที่ 158,000 ตันต่อปี ในปี 2554 บริษัทมีสัดส่วนทางการตลาดในประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์ LDPE อยู่ที่ 25% และเป็นผู้ผลิต EVA รายเดียวในประเทศในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเม็ดพลาสติกของบริษัทมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทซื้อวัตถุดิบ Ethylene จากผู้จำหน่ายเพียงรายเดียว รวมทั้งมีความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ตลอดจนความท้าทายจากสินค้าทดแทน การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการแข่งขันจากผู้ผลิตทั่วโลก อันดับเครดิตของบริษัททีพีไอ โพลีนสะท้อนถึงประโยชน์จากการประกอบธุรกิจที่หลากหลาย โดยรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์ที่อาจผันผวนตามเศรษฐกิจในประเทศจะถ่วงดุลกับรายได้จากต่างประเทศจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ EVA นอกจากนี้ หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับเพิ่มขึ้น ผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตปูนซีเมนต์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นจากราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ปัจจัยลบดังกล่าวก็อาจลดลงได้บางส่วนโดยธุรกิจเม็ดพลาสติกน่าจะได้รับจากอานิสงส์จากกรณีที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น อันดับเครดิตของบริษัททีพีไอ โพลีนมีข้อจำกัดบางส่วนจากประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินที่ค่อนข้างสั้นหลังจากที่บริษัทออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ การผิดนัดชำระหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในอดีตเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างบริษัททั้งกับสถาบันการเงินไทยและสถาบันการเงินต่างประเทศมีแนวโน้มพัฒนาดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อันดับเครดิตของบริษัททีพีไอ โพลีนยังพิจารณาถึงประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทจะได้รับในระยะต่อไปจากการลงทุนในโครงการลดต้นทุนการผลิตด้วย โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสี่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทน่าจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 14%-15% ในระยะปานกลาง จากปัจจุบันที่ระดับ 10%-13% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัททีพีไอ โพลีนอยู่ที่ 8.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระดับอันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม การประเมินอันดับเครดิตของบริษัทยังพิจารณารวมถึงประมาณการภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าด้วย โดยค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงสุดที่ 9-10 พันล้านบาทในปี 2556 และจะอยู่ในช่วงระหว่าง 6-7 พันล้านบาทในปี 2555 และปี 2557 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าโครงการขยายโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 ของบริษัทเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการตลาดในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ผลกระทบจากปริมาณปูนซีเมนต์ที่จะเข้าสู่ตลาดอีก 4 ล้านตันในปี 2558 ที่จะมีต่ออุตสาหกรรมทั้งในด้านการแข่งขันและแรงกดดันต่อราคาปูนซีเมนต์นั้นยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ ฐานะการเงินของบริษัททีพีไอ โพลีนสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ ทริสเรทติ้งมองว่าเงินทุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งช่วยเกื้อหนุนให้บริษัทมีสภาพคล่องที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตโดยพิจารณาจากสภาพคล่องที่คาดว่าจะลดลงในช่วงปีข้างหน้าหลังจากที่ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) อันดับเครดิตองค์กร: BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ