กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือฯ
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)เตรียมจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17 (Book Expo Thailand 2012)” อย่างยิ่งใหญ่ ในระหว่างวันที่ 18-28 ตุลาคม 2555 เวลา 10.00 — 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยปีนี้จัดภายใต้แนวคิด “อ่านทั่วไทย อ่านได้ อ่านดี” เพื่อชี้ให้เห็นถึงความสนุกของการอ่าน ยิ่งอ่าน ยิ่งเป็นผลดีทั้งต่อตัวเองและสังคม โดยจำลองบรรยากาศ “อ่านทั่วไทย อ่านได้อ่านดี” ทั่วทั้งบริเวณงาน และมีสำนักพิมพ์ชั้นนำทั่วประเทศร่วมออกงานมากถึง 425 สำนักพิมพ์ รวมกว่า 1,000 บูทอัดแน่นเต็มพื้นที่กว่า 22,000 ตารางเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ผ่านมาถึงกว่า 100 บูท!!!
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)เปิดเผยว่าการที่ประเทศไทยจะมุ่งสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 2558 ได้อย่างมั่นคงนั้น จะต้องปูพื้นฐานความรู้ของคนไทยในทุกภูมิภาคให้เข้มแข็งเสียก่อน โดยเฉพาะความรู้ที่เกิดขึ้นจากการอ่าน ทว่าจากผลวิจัยการสำรวจการอ่านหนังสือของประชากรทั่วประเทศของสำนักงานสถิติแห่งชาติซึ่งสำรวจช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2554จากจํานวนครัวเรือนตัวอย่างประมาณ 53,000 ครัวเรือน พบว่าอัตราการอ่านในเขตเทศบาล ร้อยละ77.7 สูงกว่านอกเขตเทศบาล ร้อยละ 61.2 โดยเด็กเล็กในกรุงเทพมหานครมีอัตราการอ่านสูงสุด ร้อยละ 67.2 และเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ขณะที่ภาคกลางนั้นเด็กเล็กมีอัตราการอ่านหนังสือต่ำสุด ร้อยละ 47.4และเชื่อว่ามีแนวโน้มลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยี
ขณะที่อัตราการอ่านนอกเวลาเรียนและนอกเวลาทำงานของคนไทยที่อายุตั้งแต่ 6 ปี ขึ้นไปมีอัตราการอ่านร้อยละ 68.8 โดยผู้ชายอ่านร้อยละ 69.3 ส่วนผู้หญิงอ่านร้อยละ 68.3 และกรุงเทพมหานครยังเป็นพื้นที่ที่มีการอ่านมากที่สุด คือร้อยละ 89.3 ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการอ่านหนังสือต่ำที่สุดคือ ร้อยละ 62.8
ส่วนจำนวนเวลาที่กลุ่มตัวอย่างใช้ในการอ่านหนังสือนอกเวลาเรียนและนอกเวลาทำงานคือผู้ที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป อ่านหนังสือเฉลี่ย 35 นาทีต่อวัน โดยกลุ่มเด็กและเยาวชนใช้เวลาอ่านเฉลี่ย 40-41 นาทีต่อวันมากกว่าวัยทำงานและสูงอายุที่ใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ย 31-32 นาทีต่อวัน
“ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการอ่านที่แตกต่างและสัมพันธ์กับระดับความเจริญทางเศรษฐกิจ หรือพูดอีกนัยหนึ่งพื้นที่ที่เศรษฐกิจดีหรือครอบครัวที่ฐานะดีมีการอ่านมากกว่าในพื้นที่เศรษฐกิจที่ด้อยกว่า เมื่อพิจารณาร่วมกับข้อมูลที่ว่า
อัตราการอ่านภาคนอกเกษตรสูงร้อยละ 76.5 ในขณะที่ภาคเกษตรมีอัตราการอ่านเพียงร้อยละ47.3 ย่อมยืนยันว่า สังคมชนบทไทยยังอ่านหนังสือน้อยมาก มีคนที่ใช้เวลาว่างอ่านหนังสือไม่ถึงครึ่ง”
นายวรพันธ์กล่าวว่าการจัดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติในครั้งนี้จึงมีแนวคิดหลักคือ“อ่านทั่วไทย อ่านได้อ่านดี”เพราะต้องการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความแตกต่างในพฤติกรรมการของสังคมไทยว่ามีความไม่เท่าเทียมกัน ทั้งที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการศึกษาอย่างทั่วถึง
“มีข้อสังเกตเพิ่มถึงลักษณะร่วมของการอ่านในกลุ่มประเทศอาเซียนคือเด็กที่มาจากครอบครัวมั่นคงมักมีโอกาสเข้าถึงหนังสือ, โรงเรียนมีคุณภาพ หรือห้องสมุดดีๆ มากกว่าเด็กจากครอบครัวยากจนหรือด้อยทางเศรษฐกิจ ในขณะที่โครงการภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมการอ่านส่วนใหญ่เกิดในเมืองใหญ่และยังเข้าไม่ถึงพื้นที่ขาดแคลน ดังนั้นการพัฒนาคนให้พร้อมสู่AEC รัฐจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดและมุ่งส่งเสริมพื้นที่ขาดแคลน ตามแนวคิดเติมในส่วนของพื้นที่ที่ขาดและเป็นจุดอ่อนของปัญหาระยะยาว”
นายวรพันธ์กล่าวว่า สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรและทำกิจกรรมต่างๆเพื่อร่วมสร้างวัฒนธรรมการอ่านมาโดยตลอดเห็นถึงความสำคัญของการอ่านในพื้นที่ขาดแคลนอย่างยิ่งจึงมีการจัดกิจกรรมสัปดาห์หนังสือภูมิภาคในจังหวัดต่างๆอย่างสม่ำเสมอ อาทิ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี, ศูนย์การค้าซิตี้มอลล์อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งได้รับผลตอบรับที่งดงามเสมอ และเป็นประเด็นที่ทำให้เห็นว่าสาเหตุที่การอ่านในภูมิภาคต่างๆไม่เติบโตมากนักเมื่อเทียบกับส่วนกลาง เป็นเพราะหนังสือเข้าไปไม่ถึงผู้อ่านมากกว่าความไม่อยากอ่าน การจัดงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17” ในครั้งนี้จึงมาพร้อมกับแนวคิด “อ่านทั่วไทย อ่านได้ อ่านดี”
“เราจะโตแค่ส่วนกลางเท่านั้นไม่ได้ การอ่านที่จะช่วยให้ประเทศชาติมั่นคงและเข้มแข็งมากพอที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้นั้น จะต้องเป็นการอ่านทั้งประเทศ การจัดงานครั้งนี้จึงได้มีการขยายพื้นที่ขายและแสดงหนังสือกว่า 1,000 บูท สูงสุดเท่าที่ดำเนินการมา เชื่อได้ว่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ผลิตหนังสือได้นำหนังสือดี มาแสดงเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5,000 ชื่อเรื่องและเพิ่มโอกาสให้ผู้อ่านได้เลือกหาหนังสือที่ตนเองสนใจมากขึ้น โดยเป้าหมายการจัดงานครังนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านคน และมียอดขายไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาทหรือคิดเป็นจำนวนเล่มไม่น้อยกว่า 1,000,000 เล่มที่จำหน่ายไปและได้รับการอ่านจากทั่วประเทศ”นายวรพันธ์กล่าว
นอกจากหนังสือราคาพิเศษสุดๆที่ทุกสำนักพิมพ์ร่วมใจกันลดกระหน่ำ เพื่อให้นักอ่านได้ตามหาหนังสือสุดรักที่สูญเสียไปกับน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา และได้เลือกสรรหนังสือใหม่ๆที่พร้อมใจกันมาเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานมหกรรมหนังสืออย่างเพลิดเพลินแล้วนั้น งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 17 (Book Expo Thailand 2012) ยังมีการเพิ่มพื้นที่บูทขึ้นในบริเวณ “ฮอลล์เอจ๋า น้ำยอมแพ้”ซึ่งหลายสำนักพิมพ์ลดราคาพิเศษในโซนนี้โดยเฉพาะเพื่อตอบสนองความต้องการของนักอ่านที่เพิ่มขึ้นในทุกปี นอกจากนี้ได้จัดให้มีกิจกรรมเปิดตัวหนังสือจากนักเขียนชื่อดัง กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน อบรม สัมมนา และนิทรรศการที่น่าสนใจและเปี่ยมสีสันมากมาย โดยรายละเอียดกิจกรรม นิทรรศการภายในงานมีดังนี้
นิทรรศการเกี่ยวกับโครงการหนังสือพระตำหนักดอยตุง "มองบ้านเพดานดาว" โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ,นิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบของนักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์บัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,นิทรรศการ“หนังสือไทยก้าวไกลสู่ตลาดโลก” จัดแสดงหนังสือจากสำนักพิมพ์ต่างๆในประเทศไทยที่ได้ขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ,นิทรรศการและกิจกรรมกรุงเทพมหานคร เมืองหนังสือโลก 2556 (World Book Capital 2013) โดยกรุงเทพมหานคร ,นิทรรศการหนังสือเรื่องสั้น โครงการ “เล่าเรื่องโกง” โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ,นิทรรศการนำเสนอผลงานนักเขียนรุ่นใหม่และกิจกรรมส่งเสริมการอ่านซึ่งจะมีนักเขียน บรรณาธิการชื่อดังมาร่วมเป็นวิทยากรอบรมด้านการเขียนงานประเภทต่างๆ โดยสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ,นิทรรศการหนังสือวรรณกรรมประวัติศาสตร์ และจารีตประเพณี โดยกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และนิทรรศการภาพประกอบ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่นักวาดภาพประกอบชื่อดังและดาวรุ่งในเมืองไทยได้ร่วมกันแสดงงานภาพประกอบกว่า 200 ภาพบนกำแพงยาว
นอกจากนี้แล้วสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย(PUBAT) ยังยืนยันที่จะสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการสร้างวัฒนธรรมการอ่านในสังคมไทยให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรมการอ่านต่างๆ โดยเฉพาะโครงการ “PUBAT Charity ปันกันอ่าน แบ่งกันให้” ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะการให้โอกาสทางการอ่านแก่ผู้ที่ขาดโอกาสเป็นเรื่อง
สำคัญอย่างยิ่ง โดยนอกจาก “โครงการทอฝันปันหนังสือให้น้อง” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 26 โดยมอบบัตรกำนัลให้แก่เด็กด้อยโอกาสจากองค์กรต่างๆรวมถึงสามเณรจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมรวม 400 คน มูลค่าคนละ 400 บาท เพื่อนำไปเลือกซื้อหนังสือที่สนใจภายในงานแล้วนั้น สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT)ยังมีการจัดกิจกรรม
PUBAT Charity ในพื้นที่พิเศษบริเวณบันไดทางขึ้นระหว่างโซนC1และโซนC2 ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งจะมีทั้งการถ่ายรูป ,การเลือกซื้อของขวัญสุดพิเศษ อาทิ แก้วมัค,เสื้อยืดลายน่ารัก โดยรายได้ทั้งหมดนั้นจะนำเข้าโครงการ PUBAT Charity โดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อทำกิจกรรมสาธารณกุศลเกี่ยวกับการอ่านต่อไป
งาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 17” จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18-28 ตุลาคม 2555 นี้ เวลา 10.00 — 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Error! Hyperlink reference not valid.www.facebook.com/Book Thai
พิเศษสุดๆแบบไม่สนใจฟ้าฝนและน้องน้ำขนาดนี้ ใครพลาดไปคงเสียดายแย่