กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์มอบนโยบายให้กรมธนารักษ์จัดหาที่ดินราชพัสดุเพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะทั่วประเทศเพิ่มขึ้นแทนการที่จะใช้เป็นสนามกอล์ฟ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้ที่ราชพัสดุเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายร่วมกันในครัวเรือน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในระดับครอบครัวอันเป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศต่อไปโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง และไม่เป็นการแข่งขันกับเอกชน
นายวิรุฬกล่าวต่อว่า ในการบริหารที่ราชพัสดุนอกจากการใช้ประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจเพื่อหารายได้ให้คุ้มค่ากับศักยภาพที่ดินแล้ว ควรต้องมองการบริหารที่ราชพัสดุในเชิงสังคม ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้มีการดำเนินการในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมที่ราชพัสดุเพื่อตั้งปั๊มแก๊ส NGV ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา การใช้ที่ราชพัสดุเป็นที่ตั้งห้องสมุดประชาชน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ที่ราชพัสดุเพื่อจัดทำเป็นสวนสาธารณะที่เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่ออกกำลังกาย ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เช่น สวนเบญจกิติ บริเวณศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขตสาทร อุทยานเบญจสิริ ซอยสุขุมวิท 22 หรือ อุทยานกาญจนาภิเษก บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรี ฯลฯ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนแต่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะมีที่พักผ่อนหย่อนใจโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆซี่งก็คงมีแต่รัฐเท่านั้นที่จะสามารถสร้างให้ได้ ไม่เหมือนสนามกอล์ฟหรือสถานที่ทำกิจกรรมต่างๆที่เอกชนสามารถดำเนินการและมีรายได้ซึ่งรัฐไม่ควรเข้าไปแข่งขัน ในเรื่องเหล่านี้ควรให้เอกชนดำเนินการไป การที่รัฐใช้ที่ราชพัสดุในเชิงสังคมในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมาจะเป็นการคืนกำไรสู่สังคมถือเป็นการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีประการหนึ่ง จึงมอบนโยบายให้กรมธนารักษ์พิจารณาการอนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุในเชิงสังคมให้มากขึ้น แม้ไม่มีรายได้เพิ่มแต่ก็ทำให้ลดรายจ่ายในภาพรวมของประเทศเรื่องการรักษาสุขภาพของประชาชนลดลง ถ้าได้มีการออกกำลังกายมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูง
ในการนี้นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่าในขณะนี้กรมธนารักษ์มีการสำรวจศักยภาพที่ราชพัสดุทั่วประเทศซึ่งเมื่อได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแล้ว จะนำนโยบายดังกล่าวมาเป็นหลักสำคัญในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในเชิงสังคม และเศรษฐกิจต่อๆไป