ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์นำเข้าหรูเตรียมปรับกลยุทธ์รับมือเปิด AEC เปิดแนวคิดผู้บริหาร “โมทีฟ” กับแผนสร้างความร่วมมือในตลาดอาเซียน

ข่าวทั่วไป Wednesday October 3, 2012 16:28 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่จบการศึกษาจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน โดยได้ใช้ความรู้ด้านการบริหารธุรกิจรวมทั้งประสบการณ์ในชั้นเรียน มาประยุกต์ใช้ในการทำงานได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือนายอัครรัฐ วรรณรัตน์ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารของ 3 ธุรกิจด้วยกัน เริ่มจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญทรัพย์กำลัง 3 จำกัด ธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ชื่อร้าน MOTIF และ MS Motif Studi, ผู้อำนวยการ บริษัท พรีมา ไพร์ม จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพร์ม เอดิชั่น จำกัด นายอัครรัฐ วรรณรัตน์ ได้เปิดเผยถึงการดำเนินงานของธุรกิจต่าง ๆ ว่า ปัจจุบันโมทีฟ ( Motif) มี 2 สาขา คืออยู่ที่ชั้น 3 และชั้นใต้ดิน โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ และปลายปีนี้กำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ขนาด 900 ตารางเมตร สำหรับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของ โมทีฟ (Motif) ร้อยละ 90 เป็นแบรนด์นำเข้าจากอิตาลี ส่วนที่เหลือนำเข้าจากอังกฤษ ฝรั่งเศส โดยในแต่ละปีจะไปเลือกซื้อสินค้าเข้ามา 2 ครั้ง คือไปที่ปารีสกับมิลาน เนื่องจากมีการจัดงานแฟร์เฟอร์นิเจอร์ใหญ่ของโลก และมีเฟอร์นิเจอร์จากประเทศต่าง ๆ ให้เลือก ทั้งนี้จะเลือกเฉพาะสินค้าที่เข้ากับตลาดและอยู่ในความต้องการของลูกค้า ในประเทศไทยธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศยังไปได้ดี เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มีดีไซน์เฉพาะและมีคุณภาพ สำหรับบริษัท พรีมา ไพร์ม จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้านาฬิกาแบรนด์ต่าง ๆ เช่น แกลมร็อก ( Glamrock) เทนเด็น( Tendence) ฯลฯ เป็นสินค้าที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ส่วนบริษัท ไพร์ม เอดิชั่น จำกัด ซึ่งผลิตรายการโทรทัศน์ให้กับช่อง 5 และ ช่อง 9 ขณะนี้มีทั้งหมด 4 รายการ แนวคิดในการบริหารธุรกิจทั้ง 3 บริษัทนั้น แม้จะมีความแตกต่างกันด้านสินค้าและบริการแต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือการนำความรู้ด้านการบริหารจัดการไปใช้ได้กับทุกธุรกิจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปศึกษาด้านการบริหารธุรกิจที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้นำความรู้มาใช้ในการทำงานจริง เช่น ธุรกิจนาฬิกาซึ่งเป็นสินค้าที่สามารถทำตลาดกับบุคคลทั่วไป จะต้องให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการขาย โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารกับผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย เช่นเดียวกับการบริหารธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งแต่ละแบรนด์อยู่ในความต้องการของลูกค้าที่ไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน เราต้องตอบโจทย์ของลูกค้าให้ได้ทุกกลุ่ม สำหรับธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ก็เป็นอีกธุรกิจที่สื่อสารไปยังผู้ชมทางบ้าน ซึ่งก็ต้องมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป “แต่ละธุรกิจมีความเหมือนและแตกต่างกันไปในรายละเอียด แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเรื่องของการบริหารจัดการบุคลากร ไม่ว่าจะทำธุรกิจใดก็ตามการบริหารคนเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการบริหารจัดการกับคนมีผลต่อธุรกิจ จึงต้องค่อย ๆ เรียนรู้และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อใดก็ตามต้องทำงานกับคนเยอะ ๆ ปัญหาก็เกิดขึ้นตามมา” นายอัครรัฐกล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาว่า หากต้องการให้ธุรกิจประสบความสำเร็จบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญต้องหาคนที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ เข้ามาทำงานกับเรา เพื่อให้งานที่ออกมามีคุณภาพ นอกจากนี้ จะต้องปลูกฝังจิตสำนึกให้กับคนในองค์กร เพื่อให้ทุกคนมีความรัก ตั้งใจ และทุ่มเทกับการทำงาน เพราะสิ่งนี้จะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากสิ่งนี้แล้วงานจะออกมาดีไม่ได้เลยถ้าคนในองค์กรไม่มีความรักสามัคคีกันและสนุกไปกับงานที่ทำ หากคนในองค์กรมีสิ่งเหล่านี้เมื่อใดก็ตามที่เกิดปัญหาทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยแก้ไข และจะทำให้ธุรกิจดำเนินได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจท่ามกลางกระแสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) นายอัครรัฐ ให้ความเห็นว่า หากจะนำเสนอสินค้าให้กับต่างชาติจะต้องศึกษาวัฒนธรรมของคนในประเทศนั้นๆ และการจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจสำคัญคือจะต้องเข้าใจวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ รวมทั้งต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและวิถีชีวิตของคนในประเทศกลุ่มเป้าหมาย สำหรับธุรกิจของ โมทีฟ ( Motif) ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ โดยได้มีการปรึกษากับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้านที่ขายสินค้าแบรนด์เดียวกัน เพื่อร่วมมือกันทำการตลาดและกำหนดกลยุทธ์ต่าง ๆ ทั้งเรื่องราคาและแคมเปญให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้เชื่อว่าความร่วมมือทางการตลาดจะช่วยตอกย้ำและสร้างความเข้มแข็งให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งขณะนี้แบรนด์อื่น ๆ ในอาเซียนได้เริ่มเคลื่อนไหวกันในเรื่องนี้แล้ว นายอัครรัฐ กล่าวทิ้งท้ายถึงการประสบความสำเร็จในธุรกิจต่าง ๆ ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าศึกษาที่สถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์ เพราะเป็นสถาบันการศึกษาที่สร้างประสบการณ์และสามารถนำไปใช้งานได้จริง รวมทั้งมีความประทับใจในเรื่องอื่น ๆ เช่น มีเพื่อนที่สามารถสร้างคอนเนคชั่นที่ดีในการทำงาน ที่สำคัญอาจารย์ผู้สอนมีความทันสมัย สอนให้เราค้นหาและศึกษาปัญหาต่าง ๆ เพื่อจะได้สามารถแก้ไขได้ชัดเจนและถูกทาง ซึ่งทั้งหมดนี้มีประโยชน์และสามารถใช้ในการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี อนึ่ง ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ เป็นการสัมภาษณ์ผู้ที่จบการศึกษาจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีบทบาทสำคัญต่อการบริหารและพัฒนาองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันบัณฑิตฯ ศศินทร์กับศิษย์เก่าที่จบการศึกษาจากสาขาวิชาต่างๆ และประสบความสำเร็จในการทำงาน เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณต่อสาธารณชนให้เป็นแบบอย่างที่ดีสืบต่อไป สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ แพรวทิพย์ ด่านวราวิจิตร PR& Marketing Coordinator โทร. 02-218-4001-9 ต่อ 188 E-mail:Praewthip.danwarawijitr@sasin.edu

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ