กรุงเทพฯ--5 ต.ค.--บีโอไอ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดตัวโครงการอบรมนักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศรุ่นที่ 3 และ 4 ต่อยอด การอบรม 2 ครั้งที่ผ่านมา เน้นให้ความรู้ พร้อมแทรกเทคนิคการทำธุรกิจในต่างประเทศโดยกูรูมากประสบการณ์ ตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน และธันวาคมนี้
นางวาสนา มุทุตานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) กล่าวถึงการเปิดตัวโครงการอบรมนักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดหลังจากที่ศูนย์พัฒนาการลงทุนไทยในต่างประเทศ (Thai Overseas Investment Support Center หรือ TOISC) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดให้มีการอบรมเตรียมความพร้อมสำหรับนักลงทุนให้มีความรู้และประสบการณ์ในการทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยได้เปิดการอบรมและมอบวุฒิบัตรแก่ผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วจำนวน 2 รุ่น ที่ผ่านมา
วันนี้จึงได้เปิดตัวโครงการอบรมนักลงทุนไทยในต่างประเทศ รุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 เพื่อเพิ่มศักยภาพให้นักลงทุนที่ต้องการเข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศ สำหรับเนื้อหาหลักสูตรการอบรมครั้งนี้ จะเน้นสร้างการรับรู้เกี่ยวกับขั้นตอน กฎระเบียบ สิทธิประโยชน์ในการไปลงทุนในต่างประเทศ รวมถึงการวิเคราะห์โอกาสของรายอุตสาหกรรมก่อนการเข้าไปลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนมีข้อได้เปรียบและทราบวิธีเริ่มต้นทำธุรกิจในต่างประเทศ จากผู้มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจในต่างประเทศโดยตรง อาทิ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเงินและภาษี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้เขียนหนังสือพ่อสอนให้ลูกรวย ดร. ศักดิ์ดา ศิริภัทรโสภณ หัวหน้าโครงการ ASEAN Economic Community: AEC วิทยาลัย
บัณฑิตศึกษาการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น นางสาววิริยา วรกิตติคุณ นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย นายศิลปะรัตน์ วัฒนาเกษตร ผู้จัดการประจำประเทศเวียดนาม บริษัทเอสซี จอห์นสัน และอาจารย์เสนีย์ แดงวัง ที่ปรึกษาโครงการประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
“ เราให้ความสำคัญในการทำธุรกิจของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ และเห็นว่าการอบรมตามโครงการนี้ได้ช่วยเตรียมความพร้อมและเพิ่มศักยภาพให้นักลงทุนก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจจริง ซึ่งจะลดอุปสรรคปัญหาให้น้อยลง ที่สำคัญความสำเร็จของการอบรมนักลงทุนทั้ง 2 รุ่นที่ผ่านมาได้ช่วยสร้างเครือข่าย ทำให้เกิดการรวมกลุ่มของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปทำธุรกิจในต่างประเทศได้มากขึ้น ” รองเลขาบีโอไอกล่าว
สำหรับสถิติของผู้ประกอบการไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2550 -2555 พบว่า พม่าเป็นประเทศที่ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุน เป็นอันดับ 1 มูลค่าการลงทุน 5,970 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับ 2 ประเทศสิงคโปร์ มูลค่าการลงทุน 3,708 ล้านเหรียญสหรัฐ และอันดับ 3 ประเทศฮ่องกง มูลค่าการลงทุน 2,639 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่เข้าไปลงทุนส่วนใหญ่คือ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ การขุดเจาะปิโตรเลียม ประมง อาหารทะเล และค้าส่ง ค้าปลีก
ที่ผ่านมา บีโอไอได้จัดการอบรมนักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ไปแล้วจำนวน 73 คน จาก 73 บริษัท โดยการอบรมรุ่นที่ 3 และรุ่นที่ 4 นี้ ตั้งเป้าหมายที่จะจัดอบรมให้ได้ 60 คน 60 บริษัท ซึ่งจะมีการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ ที่ประเทศพม่า เวียดนามและ อินโดเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่เหมาะในการเข้าไปทำตลาด รวมทั้งกลุ่มประเทศตลาดใหม่ในทวีปแอฟริกา ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอใบสมัครได้ที่ ศูนย์พัฒนาการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โทร. 02 -553 — 8111 ต่อ 6238 หรือ 6239 หรือ www.toisc.boi.go.th