กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--กรมสรรพากร
ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2547 ให้การส่งเสริมกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund : LTF) โดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา นั้น
บัดนี้ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2547 ทั้งนี้ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 246 (พ.ศ.2547) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องอีก 2 ฉบับ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1. ผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่เป็นบุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล และกองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง) ที่ซื้อหน่วยลงทุนใน กองทุนดังกล่าวจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่ากับเงินที่ลงทุนแต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมินและไม่เกินปีละ 300,000 บาท และหากผู้ลงทุนมีเงินได้จากการขายหน่วยลงทุนคืนให้กับกองทุนรวมฯ ก็จะได้รับยกเว้นภาษีด้วย
2. ผู้ลงทุนสามารถซื้อหน่วยลงทุนดังกล่าวได้จากหลายกองทุน และสามารถโอนย้ายการลงทุนไปยังกองทุนอื่นได้โดยนับอายุการลงทุนต่อเนื่อง
3. ผู้ถือหน่วยลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี (เว้นแต่กรณีทุพพลภาพหรือตายจะถือไว้สั้นกว่าระยะเวลาดังกล่าวก็ได้) หากมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนก่อนกำหนดเวลา 5 ปี ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากมาตรการดังกล่าว
มาตรการดังกล่าวนอกจากจะมีส่วนสนับสนุนให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในระบบตลาดทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ในระยะยาวได้โดยได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้ตลาดทุนของไทยมีเสถียรภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับผู้ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ก็ยังคงมีสิทธิได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ไม่เกินปีละ 300,000 บาท ได้อีกทางหนึ่ง--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--