กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้ เวลธ์ มองตลาดหุ้นยังน่าลงทุน เชื่อหลังรัฐบาลกลางต่างๆ อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ จะมีเงินมหาศาลไหลเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก แนะลงทุนหุ้นเอเชียเพิ่ม เพราะเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยเฉพาะจีนที่ราคาหุ้นยังถูก พร้อมแนะให้เลี่ยง 2 ตลาดเกิดใหม่ “ยุโรปตะวันออก-ละตินอเมริกา” เพราะยุโรปยังมีความเสี่ยงสูงและปัญหายังไม่คลี่คลาย ส่วนละตินอเมริกามีการขยายตัวเศรษฐกิจต่ำเมื่อเทียบตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน อีกทั้งราคาหุ้นแพง ด้าน บลจ. ทิสโก้ เตรียมออกกองทุนลุยหุ้นเอเชียอีกครั้งสัปดาห์นี้
ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ โดยนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (Miss Vorasinee Sangvornvetphan, Wealth Strategist, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า สำหรับกลยุทธ์การจัดสรรการลงทุนในเดือนนี้ TISCO Wealth มองว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดหุ้น เนื่องจากสภาพคล่องที่ล้นตลาดจากการอัดฉีดเม็ดเงินของธนาคารกลางทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่นและยุโรป จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ที่ได้รับผลบวกจากแนวโน้มค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักของโลกเช่น ดอลลาร์สหรัฐ และเยน โดยนอกเหนือจากสภาพคล่องที่ล้นระบบแล้ว ปัจจุบันราคาหุ้นทั่วโลกนับว่าถูกเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าการฝากเงิน ดังนั้น การลงทุนตลาดหุ้นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการลงทุนตอนนี้
โดย TISCO Wealth แนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น (Asia Pacific ex Japan) ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่อุปสงค์แข็งแกร่งภายในภูมิภาคด้วยกันเอง มีดุลบัญชีฯ เกินดุล มีปริมาณเงินสำรองสูง และมีหนี้สาธารณะต่อ GDP ในระดับต่ำ ตลอดจนมีนโยบายการเงินการคลังที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และความสามารถทางการแข่งขันทางการค้าอยู่ในระดับสูง อีกทั้งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เริ่มปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกมีการปรับลดลง ซึ่งการปรับเพิ่มนี้เป็นผลจากการที่นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลกับปัญหาในยุโรปและสหรัฐฯ และมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในการกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด TISCO Wealth มองว่าตลาดหุ้นจีนยังมีความน่าสนใจ โดยหุ้นจีนมีราคาถูกทั้งในแง่ของ P/E และ P/BV ดังนั้นจึงคาดว่าจีนจะเป็นเป้าหมายต้นๆ ของการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ยังคาดว่าการเปลี่ยนผู้นำจีนในช่วงเดือน ต.ค. 55 - มี.ค. 56 จะส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้ากระตุ้นเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นที่ไม่แนะนำให้ลงทุน หรือลดสัดส่วนการลงทุน คือ ตลาดหุ้นในกลุ่มยุโรปตะวันออก และตลาดหุ้นละตินอเมริกา โดยสำหรับกลุ่มยุโรปตะวันออกนั้น คาดว่าปัญหาทางยุโรปจะยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างเบ็ดเสร็จ และคาดว่าจะมีปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากระทบต่อการลงทุนเป็นระยะๆ แม้ความกังวลที่มากสุดได้ผ่านพ้นไปแล้วในช่วงเลือกตั้งของกรีซ แต่ปัญหาที่เรื้อรังต่อเศรษฐกิจยังคงไม่ได้รับการแก้ไข ในทุกครั้งที่ประเทศในกลุ่ม PIIGS ถึงกำหนดชำระหนี้ หรือมีข่าวในเชิงลบ เช่นการลดอันดับความน่าเชื่อถือ, ปัญหาของสถาบันการเงินที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือการเจรจาต่อรองในเงื่อนไขของการลดการขาดดุลการคลัง (Fiscal Deficit) และหนี้สาธารณะ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่น และยังอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของประเทศที่มีปัญหาปรับสูงขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ ในบทวิเคราะห์ Global Economic Review โดย TISCO Wealth ยังระบุด้วยว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นศูนย์กลางวิกฤตหนี้สาธารณะยังมีค่อนข้างน้อย โดยในบรรดาประเทศที่เป็นศูนย์กลางวิกฤตหนี้สาธารณะ กรีซดูจะมีความล่าช้าในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจมากที่สุด ไม่ว่าจะภาคธุรกิจ ด้านภาษีอากร คุณภาพการศึกษา หรือกระทั่งประสิทธิภาพแรงงาน
นอกจากนี้ TISCO Wealth ยังไม่แนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นละตินอเมริกา โดยถึงแม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจของละตินอเมริกามีสัญญาณที่เป็นบวก และคาดว่าจะรักษาระดับการเติบโตเฉลี่ยได้ที่ 5% ต่อปี อีกทั้งภูมิภาคนี้ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น อีกทั้งบราซิลยังได้ประกาศแผนการลงทุนขนาดใหญ่มูลค่า R$1,333bn เพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภคและถนน และคาดว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจบราซิล ซึ่งเป็นน้ำหนักการลงทุนหลักของกลุ่มประเทศละตินได้ในอนาคต แต่ในระยะสั้น คาดว่าเศรษฐกิจของบราซิลจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเร็ววันนี้ โดยคาดว่าในปีนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิลจะเติบโตเพียง 1-2% เท่านั้น ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 5% และเมื่อเทียบกับกลุ่มตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน ละตินอเมริกายังเป็นภูมิภาคที่เติบโตต่ำกว่ากลุ่ม เช่น ภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ หากดูการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบราซิล พบว่า ราคาหุ้นในบราซิลถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา โดยปัจจุบันตลาดหุ้นบราซิลซื้อขายที่ 17 เท่า เทียบกับค่า P/E เฉลี่ยในอดีตที่ 13.96 เท่า ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ลงทุนในตอนนี้
ทางด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Senior Vice President, Head of Marketing and Wealth Advisory Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.) กล่าวว่า จากมุมมองดังกล่าวของ TISCO Wealth ที่ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก บลจ. ทิสโก้จึงจะออกกองทุนใหม่ ซึ่งเป็นกองทาร์เก็ตฟันด์ ที่ลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกภายในสัปดาห์นี้