บลจ.ไอเอ็นจี ปลื้ม “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (5)” ใช้เวลา 3 เดือน 19 วัน ดันผลตอบแทนเข้าเป้า 10% อานิสงส์เงินไหลเข้าดันหุ้นไทยทะลุ 1,300 จุด

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 8, 2012 16:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ต.ค.--บลจ.ไอเอ็นจี บลจ.ไอเอ็นจี เผย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (5)” ผลงานเข้าเป้า หลังเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้า ดันดัชนีราคาหุ้นพุ่งต่อเนื่องจนทะลุระดับ 1,300 จุด สูงสุดในรอบ 16 ปี 4 เดือน ส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนเข้าสู่เป้าหมาย โดย NAV อยู่ที่ 11.0683 บาทต่อหน่วย เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2555 ใช้เวลา 3 เดือน 19 วัน เผยรับซื้อคืนอัตโนมัติหน่วยลงทุนวันที่ 4 ตุลาคม 2555 เผยเบื้องหลังความสำเร็จอย่างรวดเร็ว นอกจากจะมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของดัชนีราคาหุ้นแล้ว ยังมาจากการบริหารแบบ Active Management ผสมผสานกับเทคนิคด้านจับจังหวะการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพอย่างแท้จริง นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด หลังจาก บลจ.ไอเอ็นจี ได้เสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (5)” เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนผสมที่มีการกำหนดผลตอบแทนเป้าหมาย คือ มูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้นจากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 10 บาท ไปอยู่ที่ 11.00 บาทต่อหน่วย ณ วันใดวันหนึ่ง กองทุนก็จะดำเนินการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมด พร้อมเลิกกองทุนภายใน 5 วันทำการ ล่าสุด มูลค่าหน่วยลงทุนของ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (5)” สามารถเข้าถึงเป้าหมาย 11.00 บาทต่อหน่วยได้ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 11.0683 บาทต่อหน่วย คิดเป็นระยะเวลาลงทุน 3 เดือน 19 วัน ซึ่ง บลจ.ไอเอ็นจี จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนจากผู้ถือหน่วยทุกราย ในวันที่ 4 ตุลาคม 2555 และจะนำเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนไปลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แคช แมเนจเม้นท์ ซึ่งลูกค้าได้รับผลตอบแทนอยู่ประมาณ 10.44% นับจากการลงทุนตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่รับซื้อคืนหน่วยลงทุน สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลตอบแทนของ “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (5)” เข้าสู่เป้าหมายได้นั้น มาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ไทยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ หลังจากธนาคารกลางชาติต่างๆ ใช้มาตรการผ่อนคลายด้วยการเพิ่มปริมาณเงิน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น จนถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มปริมาณเงิน (QE3) ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ทำให้เม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้น จนทำให้ดัชนีราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 1,300 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 16 ปี 4 เดือนนั้น นอกจากนี้ ยังต้องยอมรับว่า การบริหารการลงทุนแบบ Active ซึ่งเป็นการบริหารจัดการด้วยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพในลักษณะการวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดในอนาคต รวมถึงการจับจังหวะการลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้กองทุนสามารถเข้าสู่ผลตอบแทนเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว “ตอนที่เราเสนอขายกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (5) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรามั่นใจว่า กองทุนเหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงเวลานั้นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเราพิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนแล้ว พบว่าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น และเมื่อพิจารณาจากภาพรวมตลาดในช่วงเข้าลงทุนก็อยู่ในช่วงปรับฐาน ก็ยิ่งต้องถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม เพราะจะทำให้โอกาสให้การเข้าสู่ผลตอบแทนเป้าหมายมีความเป็นไปได้มากขึ้น นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยยังมี Valuation อยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ และมีอัตราปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ในระดับที่สูงประมาณ 4.5% ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความสนใจมากขึ้น” นายจุมพลกล่าว “เราต้องขอขอบคุณลูกค้าที่ได้ให้ความไว้วางใจในการบริหารงานของ บลจ.ไอเอ็นจี จากความเชื่อมั่นการบริหารกองทุนหุ้นที่เราสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการบริหารกองทุนในกลุ่ม “อีควิตี้ ทริกเกอร์” ที่เราใช้กลยุทธ์การจับจังหวะการลงทุนและ Stock Selection ทำให้เราประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการอีกครั้ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี กล่าว การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ