กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--พม.
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ ถวายอาหาร จตุปัจจัยและเครื่องไทยธรรมแด่พระภิกษุสงฆ์ พร้อมทั้งประกอบพิธีสักการะและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ ซึ่งประกอบด้วย ศาลพระภูมิเจ้าที่ พระประชาบดี รูปปั้นจอมพล ป.พิบูลสงคราม รูปปั้นศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ และศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พรองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี แห่งการสถาปนากระทรวงฯ
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๕ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ ที่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกในการบริหารประเทศที่สำคัญ คือ “ด้านสังคม” โดยยึดความรับผิดชอบต่อสังคม การสร้างความเป็นธรรมและความเสมอภาคในสังคม การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงในชีวิต เป็นปรัชญาหลักในการทำงานพัฒนาสังคม ประกอบด้วยส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน การเคหะแห่งชาติ และสถานธนานุเคราะห์ และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ๗๖ จังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วนภูมิภาค ตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี ของการก่อตั้ง กระทรวงฯ ได้ทำงานพัฒนาสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เกิดโครงการต่างๆ มากมาย เพื่อดูแลทุกกลุ่มเป้าหมายในสังคม ทั้งเด็ก เยาวชน สตรี ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ประสบปัญหาทางสังคมอื่นๆ ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาสังคม ที่มีความหลากหลาย มีความซับซ้อน และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
นายสันติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามกระทรวงฯ จะยังคงเดินหน้าพัฒนางานสังคมต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบาย และยุทธศาสตร์กระทรวงฯ ที่สอดคล้องและมุ่งสู่ความสำเร็จตามนโยบายรัฐบาล ในอันที่จะพัฒนาคนและสังคมไทย สู่สังคมคุณภาพ ประชาชนทุกคนมีความมั่นคงในชีวิต มีภูมิคุ้มกัน มีโอกาสเข้าถึงบริการต่างๆ ตลอดจน ได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิ รวมทั้ง ทุกภาคส่วนได้รับการเสริมพลัง ให้สามารถมีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามภารกิจของกระทรวงอย่างเข้มแข็ง การดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายดังกล่าว ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญระดับโลก และในประเทศ ตลอดจนเข้าสู่ประชาคมอาเซียน กระทรวงต้องปรับบทบาท และแนวทางการดำเนินงานให้พร้อมรับ และทันต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยบูรณาการความร่วมมือ ความสามัคคี พร้อมใจ และจิตอาสา ของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติเป็นสำคัญต่อไป