กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
"สยามแก๊สไ รุกขยายธุรกิจต่างประเทศต่อเนื่อง ล่าสุดชนะประมูลซื้อโรงบรรจุก๊าซในประเทศมาเลเซียและเวียดนาม ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดแอลพีจีในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เผย SGP มองลู่ทางขยายตลาดไม่หยุดยั้ง ทั้งการลงทุนเองและซื้อกิจการที่มีอยู่เดิม
นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ผู้นำตลาด LPG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายการลงทุนในประเทศมาเลเซียและเวียดนาม โดยการเข้าไปลงทุนในประเทศมาเลเซีย บริษัท มายแก๊ส (MYGAZ SDN. BHD.) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของสยามแก๊สในประเทศมาเลเซีย ได้ลงนามในสัญญาซื้อสินทรัพย์ของบริษัท SHELL GAS (LPG) TIMUR SDN. BHD. ในประเทศมาเลเซีย มูลค่า 10.0 ล้านริงกิต หรือประมาณ 103 ล้านบาท ประกอบไปด้วยโรงบรรจุก๊าซ พร้อมถังบรรจุก๊าซและลูกค้าตัวแทนจำหน่าย ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเวียดนาม ใช้เงินลงทุน 400,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12.5 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการของ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท SHELL GAS HAI PHONG LIMITED ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงบรรจุก๊าซ ที่ตั้งอยู่ในเมืองไฮฟง ตอนเหนือของเวียดนาม และบริษัท SHELL GAS (LPG) VIETNAM LIMITED ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าก๊าซที่ตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ ทางตอนใต้ของเวียดนาม
“การลงทุนในประเทศมาเลเซียครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตลาดครั้งแรกในมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต และบริษัทเองก็มองหาช่องทางลงทุนอยู่แล้ว บังเอิญกลุ่มเชลล์ต้องการขายธุรกิจในส่วนนี้ และบริษัทก็ได้เข้าร่วมและชนะการประมูลในครั้งนี้ ส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในประเทศเวียดนามนั้นก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากประเทศเวียดนามมีศักยภาพสูง และราคาก๊าซ LPG ก็ไม่ถูกควบคุมโดยภาครัฐ ซึ่งจากนี้ไปเราจะทำตลาดได้ครอบคลุมทั้งเวียดนามตอนเหนือและตอนใต้” นายศุภชัยกล่าว
กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า การรุกขยายตลาดก๊าซ LPG ในต่างประเทศนั้น SGP มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งคลังเก็บก๊าซขนาดใหญ่ ระบบการลำเลียงขนส่ง และทีมการตลาดที่เข้มแข็ง คลังเก็บก๊าซขนาดใหญ่ 2 แห่งของบริษัทในจีน รวม 300,000 ตัน จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้าให้แก่บริษัทย่อยต่างๆในแต่ละประเทศที่ได้เข้าไปลงทุน รวมถึงการส่งก๊าซไปขายในประเทศใกล้เคียงและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงเวียดนามตอนเหนือด้วย นอกจากนั้น SGP ยังใช้เรือขนส่งก๊าซขนาดใหญ่ หรือ VLGC เป็นคลังลอยน้ำใกล้ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งสามารถรองรับการค้าก๊าซ LPG ในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย
“สยามแก๊สก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจก๊าซแอลพีจีในเอเชียตะวันออกได้ ก็ด้วยการทำธุรกิจเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนในคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลวขนาดใหญ่ ระบบการขนส่งก๊าซทั้งทางบกและทางน้ำ การลงทุนในโรงบรรจุก๊าซ รวมไปถึงการทำตลาดทั้งในรูปแบบค้าส่งและค้าปลีก ทำให้บริษัทฯ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการค้าก๊าซแอลพีจี และทำให้สยามแก๊สมีโอกาสขยายตลาดมากขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาคนี้” นายศุภชัยกล่าว
ทั้งนี้ บมจ.สยามแก๊ส ยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนในอีกหลายๆประเทศ โดยอาจจะเป็นลักษณะการเข้าไปลงทุนเอง หรือการซื้อกิจการจากเจ้าของเดิมเพื่อให้สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ทันทีในการที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทฯ และช่วยหนุนผมประกอบการของสยามแก๊สให้เติบโตอย่างมั่นคง