กรุงเทพฯ--9 ต.ค.--อมตะคอร์ปอเรชัน
“อมตะ” แย้มสิ้นปีปิดยอดขายพื้นที่ทะลุเป้าอยู่ที่ 3,500 ไร่ เผยทิศทางการลงทุนปี 2556 เตรียมพัฒนาพื้นที่รับนักลงทุนหน้าใหม่ ผลจากกรณีพิพาทจีน-ญี่ปุ่น ชูภาคตะวันออกพื้นที่เซฟตี้โซนพร้อมทุกด้าน เผยมีที่ดินอีกกว่าหมื่นไร่พร้อมพัฒนารอรับนักลงทุน
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะคอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนในนิคมฯอมตะในขณะนี้ยังมีทิศทางที่ดี และมั่นใจว่าจะมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2556 โดยคาดว่าในปี 2555 นี้ อมตะจะสามารถปิดยอดขายพื้นที่ได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 3,500 ไร่ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 3,000 ไร่ ซึ่งอมตะได้มีการเตรียมแผนในการพัฒนาพื้นที่และลงทุนในส่วนขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับสัดส่วนนักลงทุนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นในปี2556
ในปี 2556 ทิศทางการลงทุนในไทยจะมีสัญญาณที่ดีมากขึ้น เพราะไทยเป็นจุดเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งตะวันออกที่จะเป็นพื้นที่อันดับแรกๆที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะจัดอยู่ในพื้นที่เซฟตี้โซนของนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ โดยในส่วนนักลงทุนที่มาจากต่างประเทศน่าจะเป็นผลจากสถานการณ์ปัญหาข้อพิพาทระหว่างประเทศจีน กับประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะเชนกากุ หรือเกาะเตี๊ยวหยู ที่คาดว่าจะมีความยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้าไปลงทุนในจีนเริ่มเบนเข็มหันมาลงทุนในไทย ขณะที่จีนเองก็มีการวางแผนในการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตไปในฝั่งเอเชีย เพื่อลดการกีดกันทางการค้าจากประเทศทางยุโรปและอเมริกา อีกทั้งยังมีผลจากนโยบายการปรับค่าแรงของจีนที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ประเทศอื่นๆไม่กล้าตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในจีน
ขณะเดียวกันสำหรับการลงทุนในประเทศ จะมีการขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันออกมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนที่มาจากพื้นที่ตอนเหนือของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความสะดวกทั้งในด้านการเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ และมีแหล่งวัตถุดิบที่จะสามารถป้อนส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบได้ และคาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ที่ยังคงเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก และคาดว่าในปี 2556 ไทยจะมียอดการผลิตและจำหน่ายกว่า 2,000,000 คัน
สำหรับยอดขายครึ่งปีแรก อมตะสามารถขายที่ดินได้เกือบ 2,000ไร่ โดยที่ผ่านมา บริษัทยังมีลูกค้ารอเซ็นสัญญาประมาณ 800 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาได้ภายในครึ่งปีหลังนี้ ทั้งนี้ นิคมอมตะนคร และอมตะซิตี้ ถือ เป็นพื้นที่ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเป็นผู้ประกอบการหลักในโซนภาคตะวันออกที่ได้รับประโยชน์จากการขยายการลงทุนทางตรง โดยเฉพาะจากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ป้อนให้แก่สายการผลิตโมเดลใหม่ๆของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีทิศทางการลงทุนขยายไลน์การผลิตมากขึ้นในช่วงปีนี้
โดยครึ่งปีหลังจากมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการรับรู้ยอดโอนที่มีมากขึ้น โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นประเทศญีปุ่นร้อยละ 50-60 และลูกค้าของบริษัทมีความหลากหลาย ทั้งกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องภาคเกษตร เป็นต้น ปัจจุบัน พื้นที่ดินนิคมฯทั้งสองแห่งที่มีการพัฒนาแล้วและพร้อมขาย มีจำนวน 2,700 -2,800 ไร่ ขณะที่จำนวนที่ดินเปล่ารอการพัฒนามีจำนวน 11,000ไร่ มั่นใจว่าจะสามารถรองรับการพัฒนาการลงทุนได้อีกหลายปี จากสถานการณ์การลงทุนที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของต่างชาติที่พร้อมย้ายฐานการลงทุนเข้าไทย และในด้านสาธารณูปโภค
อย่างไรก็ดี อมตะ เตรียมพร้อมในการลงทุนเพิ่มเติมทั้งในด้าน ไฟฟ้า แหล่งน้ำเพื่อการอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ใหม่ โดยในเดือนกันยายนนี้ จะมีการเดินเครื่องโรงไฟฟ้า ขนาด 130 เมกกะวัตต์ ป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรม ในนิคมฯอมตะนคร และในปี 2556 จะมีการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าอีก 2 โรง ในนิคมฯอมตะซิตี้ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นคง และความมั่นใจต่อนักลงทุนที่จะย้ายฐานเข้ามามากขึ้น