กรุงเทพฯ--10 ต.ค.--บีโอไอ
คณะอนุกรรมการฯ ฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤติอุทกภัย ไฟเขียวให้ส่งเสริมการลงทุน 17 โครงการ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา และให้ส่งเสริมการลงทุนแก่โครงการใหม่และโครงการ ที่จะขยายการลงทุนอีก 7 โครงการ ในนิคมอุตสาหกรรม ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี รวมให้ส่งเสริมทั้งสิ้น 24 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อฟื้นฟูการลงทุน จากวิกฤตอุทกภัย ครั้งที่ 5 ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติการขอรับส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย ครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 24 โครงการ เงินลงทุนรวม 10,373.4 ล้านบาท แบ่งเป็นการอนุมัติภายใต้มาตรการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย รวม 17 โครงการ เงินลงทุนรวม 7,653.7 ล้านบาท และการอนุมัติภายใต้มาตรการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี รวมจำนวน 7 โครงการ เงินลงทุนรวม 2,719. ล้านบาท
โดยโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมภายใต้มาตรการเพื่อฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤตอุทกภัย จำนวน 17 โครงการ เกือบทั้งหมด หรือ 16 โครงการ ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม มีเพียง 1 โครงการที่ย้ายที่ตั้งใหม่ ประกอบด้วย
1.บริษัทอิชิตัน กรุ๊ป จำกัด ผลิตเครื่องดื่มจากพืช ผัก ผลไม้ บรรจุภาชนะแบบต่างๆ กำลังการผลิตรวมปีละประมาณ 400 ล้านลิตร เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,173 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2.บริษัทเคฮิน ออโตพาร์ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิต HEATING VENTILATION AND AIR CONDITIONING UNIT (HVAC) ซึ่งเป็นระบบควบคุมและปรับอุณภูมิในรถยนต์ กำลังผลิตปีละ 300,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 363.9 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
3.บริษัทเคฮิน ออโตพาร์ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ กำลังการผลิตปีละ ประมาณ 1,300,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 261.5 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
4.บริษัท อี พี อี (ประเทศไทย) จำกัด กิจการเคลือบผิวชิ้นงานโลหะ (SURFACE TREATMENT) สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงชิ้นส่วนโลหะที่ใช้ทางการแพทย์และอุตสหากรรมทั่วไป กำลังผลิตปีละ 540,000,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 16.6 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จ.อยุธยา
5.บริษัท แอร์-คอน พาร์ทส์ เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตวาล์วสำหรับเครื่องปรับอากาศ เช่น STOP VALVE กำลังการผลิตปีละประมาณ 2,500,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 96.9 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.อยุธยา
6.บริษัท เคฮิน ออโตพาร์ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิต ELECTRONIC CONTROL UNIT (ECU) สำหรับยานพาหนะ กำลังการผลิตปีละประมาณ 3,250,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 821.4 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
7.บริษัท เซอร์เทค คาริย่า (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินกิจการชุบเคลือบผิว (SURFACE TREATMENT) กำลังการผลิต ปีละประมาณ 458,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 183.9 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
8.บริษัทไทยมิตชิ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผลิตชิ้นส่วนโลหะ กำลังการผลิตปีละประมาณ 18,000,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 15 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ เขตอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี
9.บริษัท โอเทค (ไทยแลนด์) จำกัด ผลิตอุปกรณ์ขุดเจาะ (Rock Drilling Tool) กำลังการผลิตปีละประมาณ 737,100 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 432.1 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรม บางปะอิน จ.อยุธยา
10.บริษัท นิเด็ค อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิต SPINDLE MOTOR ซึ่งเป็นมอเตอร์ที่ใช้กับ HARD DISK DRIVE ของเครื่องคอมพิวเตอร์ กำลังผลิตปีละประมาณ 39,000,000 ชิ้น และชิ้นส่วนของ SPINDLE MOTOR กำลังผลิตปีละ ประมาณ 68,000,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 357.7 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
11.บริษัท เอ็นโอเค พรีซิชั่น คอมโพเนนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตชิ้นส่วนยางสังเคราะห์สำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับโทรศัพท์มือถือ กำลังการผลิตปีละประมาณ 49,933,580 ชิ้น และ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่น TRAY กำลังผลิตปีละประมาณ 12,441,600 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 85 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.อยุธยา
12.บริษัท อี พี อี (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กำลังผลิตรวมปีละประมาณ 500,000,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 39.2 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร จ.อยุธยา
13.บริษัท มิตซุย พรีซิสชั่น ไทย จำกัด ผลิตชิ้นส่วนสำหรับผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LENS CONNECTORS ซึ่งเป็นชิ้นส่วนในกล้องถ่ายรูปในส่วนจุดปรับเลนส์ กำลังผลิตปีละ 10,000,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 199.7 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.อยุธยา
14.บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผลิต SUSPENSION FOR HARD DISK DRIVE หรือแขนจับหัวอ่านในฮาร์ดดิสก์ กำลังการผลิตปีละประมาณ 273,662,400 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 125.6 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
15.บริษัท ฮิตาชิ เมทัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิต AMORPHOUS CORE ซึ่งเป็นเหล็กที่ผสมด้วยโลหะพิเศษ ใช้ประกอบเป็นโลหะเหนี่ยวนำในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น MOTOR ,TRANSFORMER ,SENSOR กำลังการผลิต ปีละประมาณ 9,600,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 918.2 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
16.บริษัท ซันโคโกเซ (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ เป็นต้น กำลังผลิตปีละประมาณ 3,200 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ตั้งกิจการในที่ตั้งเดิม คือ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
17.บริษัท อดัมแพค (ประเทศไทย) จำกัด ผลิตผลิตภัณฑ์เคลือบด้วยพลาสติก เช่น Foil Damper ,Cleanroom Seal เป็นต้น กำลังผลิตปีละ ประมาณ 3,000,000 ตารางเมตร และสิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่น Printed Label,Printed E-Ticket เป็นต้น กำลังผลิตปีละประมาณ 3,000,000 ตารางเมตร เงินลงทุนทั้งสิ้น 264 ล้านบาท ย้ายที่ตั้งจากนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า จ.อยุธยา ไปตั้งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี
สำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติภายใต้มาตรการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่หรือขยายการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี รวมจำนวน 7 โครงการ ประกอบด้วย
1.บริษัท อิชิซากิ (ไทยแลนด์) จำกัด ขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะปั๊มขึ้นรูป เช่น ฝาครอบแบตเตอรี่ กำลังผลิตปีละประมาณ 1,640 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 40 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ สวนอุตสาหกรรม โรจนะ จ.อยุธยา
2.บริษัท ซันเคียว คาเนฮิโร (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป (Machining Parts) สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า กำลังการผลิตปีละประมาณ 8,208,000 ชิ้น เงินลงทุนทั้งสิ้น 317.5 ล้านบาท ตั้งที่ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า จ.อยุธยา
3.บริษัท คาทายาม่า แอ็ดวานซ์ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูป เช่น Screw และ Rivet ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรม HDD กำลังผลิตปีละ ประมาณ 482 ตันเงินลงทุนทั้งสิ้น 50 ล้านบาท ตั้งที่ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา
4.บริษัท โตชิบา แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขยายกิจการผลิตเครื่องปรับอากาศ แบบ Indoor/Outdoor กำลังการผลิตปีละประมาณ 535,000 เครื่อง เงินลงทุนทั้งสิ้น 2,050 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี จ.ปทุมธานี
5.บริษัท เอ วี อินดัสตรี จำกัด ขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนพลาสติก สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ กำลังผลิตปีละประมาณ 1,400 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 49 ล้านบาท ตั้งที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.อยุธยา
6.บริษัท โกมูยา (ไทยแลนด์) จำกัด ขยายการผลิตชิ้นส่วนยางสังเคราะห์สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ใบปัดน้ำฝน ยางเชื่อมรอยต่อเครื่องจักร และคอนกรีต เป็นต้น กำลังผลิตปีละประมาณ 540 ตัน เงินลงทุนทั้งสิ้น 10 ล้านบาท ตั้งที่ เขตอุตสาหกรรม นวนคร จ.ปทุมธานี
7.บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) ขยายกิจการผลิตประปาหรือน้ำเพื่ออุตสาหกรรม กำลังการผลิตปีละประมาณ 10.95 ล้านลูกบาศก์เมตร เงินลงทุนทั้งสิ้น 203.2 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่เขตอุตสาหกรรม นวนคร จ.ปทุมธานี
สำหรับโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมภายใต้มาตรการฟื้นฟูการลงทุนจากวิกฤติอุทกภัยก่อนหน้านี้ มีจำนวน 63 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 30,358.4 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในที่ตั้งเดิม จำนวน 53 โครงการ และมีโครงการย้ายไปที่ตั้งใหม่ 10 โครงการ ขณะที่โครงการที่ได้รับส่งเสริมภายใต้มาตรการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่หรือโครงการขยายการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ก่อนหน้านี้ มีจำนวน 5 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุน 8,528.7 ล้านบาท