กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย
ในสังคมยุคปัจจุบัน ปัญหาสภาวะแวดล้อม ตลอดจนการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ แข่งขัน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวในวัยทำงาน ได้กลายมาเป็นตัวเร่งให้ผู้คนเกิดการเจ็บป่วยมากขึ้น สาเหตุทั้งจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายแก่มนุษย์แต่กลับก่อให้เกิดปัญหามลพิษ รวมทั้งสาเหตุที่เกิดจากการใช้ชีวิตอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งการรับประทานอาหาร การนอนหลับพักผ่อน และการรักษาตัวเองเมื่อป่วยไข้ ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า โรคมะเร็งที่มีสาเหตุจากปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้ ยังคงเป็นโรคร้ายอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตคนไทย จนปัจจุบันมีผู้ป่วยมากกว่า 2 แสนคนต่อปี และมีอัตราเพิ่มขึ้นปีละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ส่งผลให้มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคนี้ปีละไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน
นอกจากนี้ จากข้อมูลยังพบว่า สถิติผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานทั่วโลกได้สะท้อนให้เห็นถึงภัยอันน่าสะพรึงกลัว เนื่องจากคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีผู้ป่วยทั่วโลกมากกว่า 300 ล้านคน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 ที่มีผู้ป่วยโรคนี้เพียง 30 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่า กระทั่งองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ก่อให้เกิดความเสียหายทั่วโลก ทั้งกำหนดให้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งพบว่าผู้ป่วยโรคเบาหวาน เริ่มมีอายุลดลงและอยู่ในวัยทำงาน ต่างกับประเทศที่พัฒนาแล้วที่ผู้ป่วยยังคงอยู่ในวัยสูงอายุ
แต่อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน การใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมที่เร่งรีบคงเป็นสิ่งที่หลายคนยากจะหลีกหนี ดังนั้นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ การดูแลรักษาสุขภาพอย่างถูกวิธีโดยเฉพาะในยามป่วยไข้ เพื่อลดการเสื่อมสภาพของร่างกายและเพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาว
คุณธัชวรรณ ศิริธรรมวานิช หรือหมอปุ๊ก ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ผู้สืบทอดตำรับยาแพทย์แผนไทยจากคุณหมอสุรพรรณ ศิริธรรมวานิช ผู้พลิกฟื้นภูมิปัญญาแพทย์แผนตะวันออก จนเป็นเจ้าตำรับแพทย์แผนไทยที่ผสมผสามทั้งแพทย์แผนไทย จีน และอินเดีย ตลอดจนแพทย์แผนตะวันตก ด้วยการนำหลักการด้านเภสัชกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ กล่าวว่า ปัจจุบันวิธีการรักษาโรคของคนส่วนใหญ่ยังเน้นที่การระงับอาการ ซึ่งอาจส่งผลให้กลายเป็นโรคเรื้อรังได้ในอนาคต ดังนั้นในการรักษาโรค ผู้ป่วยเองควรจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะประเมินตนเอง สังเกตุอาการ และไม่หาซื้อยามารับประทานเมื่อเกิดป่วยซ้ำบ่อย
“วิธีการรักษาโรคของคนในปัจจุบันส่วนใหญ่เน้นที่การระงับอาการ ซึ่งเป็นการรักษาที่ไม่ถูกวิธี กลายเป็นความเสื่อมของร่างกาย และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นโรคเรื้อรัง เป็นการตัดโอกาสชีวิตในหลายๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ก็ควรรักษาที่ต้นเหตุเพื่อให้หายขาด หรือโรคอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดการลุกลาม อย่างเช่นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ก็มักจะตามมาด้วยโรคความดัน และโรคหัวใจ เป็นต้น ดังนั้นในการรักษาจึงควรแก้ที่ต้นเหตุคือฟื้นฟูตั้งแต่เซลล์อวัยวะของร่างกาย ควบคู่กับการรักษาตามอาการ ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่มีผลข้างเคียง โดยเฉพาะการมีผลต่อตับ” คุณธัชวรรณ กล่าว
คุณธัชวรรณ กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่อดีต หลายคนมีความเชื่อเรื่องการใช้ยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรค แต่น้อยคนที่จะเข้าใจหลักการของการใช้ยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคอย่างจริงจัง โดยการใช้พืชสมุนไพรที่รู้จักในวงกว้าง มักเป็นสมุนไพรเชิงเดี่ยวที่จะส่งผลในระยะยาวหากรับประทานเป็นเวลานาน นอกจากนี้จากการค้นคว้าวิจัยของ “สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย” โดยคุณหมอสุรพรรณ มากว่าครึ่งศตวรรษ ยังพบว่าการใช้พืชสมุนไพรรักษาโรคให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องตั้งเป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยยา 5 กลุ่ม คือ ยาหัวหน้า ยาช่วยฤทธิ์ ยาคุมฤทธิ์ ยาลบพิษ และยานำทาง ซึ่งปัจจุบัน “สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย” มีตำรับยาอยู่มากกว่า 30 ตำรับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษามีทั้งโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ความดัน รวมทั้งโรคภูมิแพ้ ข้อเสื่อม เกาท์ รูมาตอยด์ และโรคเรื้อรังอื่นๆ
“ปัจจุบันมีสุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย มีตำรับยาที่ค้นคว้ากว่า 30 ตำรับ ซึ่งทุกตำรับจะเน้นเข้าไปฟื้นฟูตั้งแต่ระบบเซลล์ ให้ผู้ป่วยกลับมาแข็งแรงดังเดิม และเพื่อให้กลไกในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างปกติ มีความสมดุล และสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ (Antioxidence) ผสานกับการใช้ตัวยาเพื่อรักษาตามอาการของโรคที่เป็นอยู่ เช่น การทำให้หลอดเลือดแข็งแรงรวมถึงลดไขมันในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดัน ทั้งนี้เพราะนอกจากการรักษาตามอาการเพื่อให้ผู้ป่วยหายจากโรคแล้ว การทำให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจัยนี้ก็เพื่อทำให้ร่างกายจะสามารถดูดซับสารอาหารต่างๆ ที่รับประทานเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างกลไกการป้องกันตัวเองได้ เช่นครั้งที่ร่างกายยังไม่ป่วย” คุณธัชวรรณ กล่าว
คุณธัชวรรณ ย้ำว่า ตำรับยาสมุนไพรของ “สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย” นับเป็นทางเลือกในการดูแลรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืน ครอบคลุมและตรงจุด เนื่องจากเป็นการรักษาแบบองค์รวม ช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรค เน้นการรักษาแบบดักหน้า แม้กระทั่งในรายผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง โดยการรักษาจะเริ่มจากการใช้วิชาพลังปราณจักระ ซึ่งเป็นวิชาการตรวจวินิจฉัยโรคแขนงหนึ่งของการแพทย์แผนตะวันออกที่สืบทอดมานานนับพันปี นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานแนวทางของแพทย์แผนตะวันตกในการเฝ้าระวังและติดตามผล อาทิ การนำผลตรวจจากห้องแลปเพื่อช่วยในการดูแลผู้ป่วย และเป็นการยืนยันผลการรักษาเพื่อให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจว่าการเข้ารับการรักษาเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
“การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน สำคัญอย่างยิ่งที่ควรกำหนดจังหวะชีวิตให้ถูกต้อง เหมาะสม คือให้จิตเสมอกาย และให้ทั้งสองสิ่งนี้สามารถทำงานได้คู่กันอย่างสมดุล เพราะในบางครั้งชีวิตอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยง ทั้งสภาพแวดล้อม และอาหารการกิน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค หรือทำให้โรคที่เป็นอยู่ลุกลามมากขึ้น ดังนั้นเราควรเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เริ่มจากการสังเกตตัวเอง และหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม ที่สำคัญต้องไม่มีผลข้างเคียง หรือส่งผลกระทบในระยะยาว” คุณธัชวรรณ กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบัน “สุรพรรณคลินิกการแพทย์แผนไทย” มีที่ทำการ 2 แห่ง คือ โปคาดี้คลินิค ซอยวิภาวดี 60 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 081 5571586, 084 7315080 , 080 957 5954 และที่เชียงใหม่ ตั้งอยู่เลขที่ 371/22 หมู่ 1 ตึกแถวกาญกนก แยกบวกครก ใกล้กับดาราเทวีโอเรียลเตล ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 080-445-5624 และ 080-566-4650.