กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--สหมงคลฟิล์ม
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
ร่วมกับ
เดอะ พิพัล ทรี จำกัด
ชวนกันฮาทะลุโลกกับภาพยนตร์ คอมิดี้-ไซไฟ
สูบคู่กู้โลก
เมื่อโลกถูกรุกราน จะมีใครเล่าที่พร้อมจะระรานกลับ
“หม่ำ จ๊กม๊ก” และ “เปิ้ล นาคร”
ขออาสารับตำแหน่งฮีโร่ “กู้โลก”
แต่จะเอาอยู่หรือไม่ แล้วชีวิตพวกเราจะสงบสุขได้จริงใช่ไหม
เตรียมลุ้นระทึกกับภารกิจครั้งยิ่งใหญ่ ที่ต้องปะทะกับ
หนุ่มต่างดาว หน้าทะเล้น “ภูมิ รังษีธนานนท์”
และ สาวต่าง’หวัด น่าถนอม “แม็กกี้ อาภา”
โดยผลงานกำกับของ “นฤบดี เวชกรรม”
(จากผู้กำกับ สาระแนห้าวเป้ง-สาระแนสิบล้อ-สาระแนเห็นผี)
8 พฤศจิกายน นี้
ทุกโรงภาพยนตร์
กำหนดฉาย 8 พฤศจิกายน 2555
แนวภาพยนตร์ คอมิดี้ / ไซไฟ
ผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง เดอะ พิพัล ทรี จำกัด
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ
ควบคุมการสร้าง นฤบดี เวชกรรม, อิษรา เวชกรรม
ประสานงานสร้าง สุนันทา ชูกุล
กำกับภาพยตร์ นฤบดี เวชกรรม
กำกับภาพ พีรวัฒน์ สังข์กลาง
ลำดับภาพ พิชานนท์ วงศ์วิทยาเมธากุล, วิสิฎสร สุทธิไชยากุล
ออกแบบงานสร้าง สมยศ ศรีดา
กำกับศิลป์ สมยศ ศรีดา
เรื่องและบทภาพยนตร์ นฤบดี เวชกรรม, กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์,
พิชานนท์ วงศ์วิทยาเมธากุล, เสกสรร รัตนพรพิศ
ออกแบบเครื่องแต่งกาย ภิรมย์ เรืองกิจการ
เทคนิคพิเศษทางภาพ เซอร์เรียล สตูดิโอ จำกัด
บันทึกเสียง ห้องบันทึกเสียงรามอินทรา
ฟิล์มแลบส์ สยามพัฒนาฟิล์ม
ดนตรีประกอบ และออกแบบเสียง สโนว์แมน&คณิสร สตูดิโอ
แสดงนำโดย เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, นาคร ศิลาชัย
แม็กกี้ อาภา, ภูมิ รังษีธนานนท์
สหรัถ สังคปรีชา, ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ
พีท ทองเจือ, จาตุรงค์ พลบูรณ์, ชวลิต ศรีมั่นคงธรรม
เรื่องย่อ
สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศเตรียมตัวฮาโลกสะท้าน เมื่อ ผู้กำกับเป้-นฤบดี เวชกรรม ที่เคยมีผลงานชวนอารมณ์ดีสร้างเสียงหัวเราะมาแล้วจากภาพยนตร์เรื่อง สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี กลับมาเรียกเสียงฮาอีกครั้งกับภาพยนตร์เรื่อง “สูบคู่กู้โลก” พร้อมคว้าซุป’ตาร์ฮาขั้นเทพ “หม่ำ จ๊กม๊ก” ปะทะ “เปิ้ล นาคร” สวมบทบาท คู่เกรียนสุดป่วนแห่งแก๊ง ชอปเปอร์ก้านยาว ที่จะมาเบิ้ลเครื่องโชว์พลังความฮา แบบซิ่งสุดขั่วกับภารกิจกู้โลก โดยมีนางเอกสาวสวย “แม็กกี้ อาภา” และพระเอกหน้าใหม่ใสกิ๊ก “ภูมิ รังษีธนานนท์” ร่วมป่วนโลกในครั้งนี้ด้วย
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ แก๊งสูบคู่ จ๊อด (หม่ำ จ๊กม๊ก) กับ อี๊ด (เปิ้ล นาคร) คู่เกรียนตัวป่วน เจ้าของอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์ กำลังถูกตามล่าจากเจ้าหนี้ ทั้งคู่จึงต้องคิดวิธีหาเงินชดใช้หนี้สินอันท่วมหัว ส่วนหลานชาย ป๋อง (ภูมิ รังษีธนานนท์) ที่ชอบก่อเรื่อง สร้างวีรกรรมบ้าบอไปวันๆ กลับกลายเป็นชายหนุ่มเรียบร้อย สุภาพบุรุษตัวพ่อ และกลายเป็นขวัญใจของ เนย (แม็กกี้ อาภา) สาวพาณิชย์สุดจี๊ด จึงทำให้ จ๊อด กับ อี๊ด เริ่มสงสัยกับพฤติกรรมของหลานชาย และพยายามสืบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้
แต่บร๊ะเจ้า!! มันชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่ เมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่า ป๋อง คือ มนุษย์ต่างดาว! และโลกของเรากำลังจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ ชะตากรรมชีวิตของมนุษย์โลกจะเป็นเช่นไร เมื่อได้แก๊งสูบคู่ จ๊อด- อี๊ด อาสามากู้โลกเอง แล้วหนี้สินที่ถูกทวงตามอีกล่ะจะทำยังไง ร่วมลุ้นระทึกกับภารกิจฮาครั้งใหญ่ใน “สูบคู่กู้โลก”
จุดเริ่มต้น ความฮาทะลุนอกโลก
มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ ด้วยความที่ไม่มีหลักฐานใดๆพิสูจน์ออกมาได้ชัดเจน ก็ยากที่จะเชื่อ จนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง นับว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะเห็น มนุษย์ต่างดาว และจานบิน ปรากฏตัวเผยโฉมแบบไม่แคร์สื่อ แม้จะเป็นเวลานานมาแล้วก็ตามกับเรื่องราวลึกลับ ทำให้มนุษย์โลกฉงนจนถึงทุกวันนี้ โดยหนึ่งในนั้นรวมถึง เป้-นฤบดี เวชกรรม กับเรื่องราวคาใจสมัยเด็กที่ถูกบันทึกไว้ในใจตลอดมา กลายเป็นผลงาน กำกับ-เขียนบทของเขา ในภาพยนตร์ สูบคู่กู้โลก โดยเล่าเรื่อง Flashback ในช่วงวัยเยาว์ว่า “เริ่มต้นตอนเด็กๆซึ่งเป็นเรื่องที่ติดใจ ฝังใจผมมาตั้งแต่เด็กตอนอายุ 12 ปี นอนเล่นอยู่สนามหญ้าหน้าบ้านกับกลุ่มเพื่อน พวกเราก็นอนดูดาวกันเพลินๆ นั่น ดาวลูกไก่ นั่นดาวไถ สักพักผมเห็นแสงเหมือนเครื่องบิน 2 ลำ บินคู่กันไป จากนั้นมันกลับหักเลี้ยวเป็นมุมฉากขึ้นไป ผมก็เริ่มงง เฮ้ย!เครื่องบินมันบินเป็นมุมฉาก แล้วก็แว๊บหายไป ก็หันไปถามกันว่าเห้ยตาฟาดป่าว ก็ไม่นี่ แต่เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หลังจากนั้นเราก็คุยเรื่องนี้กันทุกวัน เมื่อก่อนนั้นมันยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ไม่มีกูเกิ้ล ก็เข้าห้องสมุดเปิดดูแต่เรื่องUFO มนุษย์ต่างดาวสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า แล้วก็เริ่มสนใจเรื่องแบบนี้ ซึ่งมันถูกเมมโมรี่ไว้ในหัวผมตั้งแต่สมัยเด็กๆ”
และหากมนุษย์ต่างดาวกำลังบุกโลกเราจริง มันจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง หลายคนเริ่มตั้งข้อสันนิษฐานจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆบนโลกที่เกิดขึ้น สื่อทุกประเภทต่างประโคมข่าวอย่างต่อเนื่องประหนึ่งคล้ายว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง หรือพวกมันกำลังเริ่มที่จะบุกโลกอย่างจริงจัง ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เป้ นฤบดี จึงเล่าที่มาของไอเดียเรื่องราวในภาพยนตร์ว่า “ผมเริ่มรู้สึกว่าภัยพิบัติบนโลก มันเริ่มเยอะขึ้น วันนั้นดูข่าวคุณสรยุทธ เรื่องเล่าเช้านี้ มีข่าวว่าเห็นกลุ่มแสงไฟซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไรที่น่านฟ้าญี่ปุ่น ก่อนที่จะเกิดสึนามิ ผมก็สนใจเรื่องนี้ขึ้นมาอีก พอมันรวมกันกับเรื่องมนุษย์ต่างดาวสมัยเด็กของผมที่ยังค้างคาใจอยู่ ก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าเกิดโลกของเราจะพัง เกิดภัยพิบัติขึ้นมาจริงๆล่ะจะเป็นอย่างไร แล้วคิดต่อยอดอีกนิดในมุมของหนังคอมิดี้ หากมนุษย์ต่างดาวบุกมา คนที่จะกู้โลกได้นั้นควรจะเป็นกลุ่มคนแบบไหนดี”
แล้วใครกันคือ ฮีโร่“กู้โลก”ตัวจริง
เป็นเรื่องที่ผู้กำกับและทีมเขียนบท ต้องแชร์ไอเดียร่วมกันอย่างหนักก่อนที่จะลงมือเขียนบทกันอย่างจริงจัง กับกลุ่มคนที่จะถูกคัดเลือก เพื่อมาเป็นฮีโร่ หน่วยกู้โลกให้พ้นภัยพิบัติในครั้งนี้ โดย ชอ กฤษณะ หนึ่งในก๊วนผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ ได้เล่าเสริมว่า “ก่อนหน้านี้สาระแนสิบล้อ เป็นผีสิงรถแปลงร่างเป็นทรานส์ฟอร์เมอร์ สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับคนดูไม่น้อย พวกเราก็คิดต่อว่าหนังเรื่องหน้ามันจะต้องแรงขึ้นกว่าอย่างมาก(555) โดยเลือกโฟกัสที่กลุ่มมอเตอร์ไซค์เป็นอันดับแรก ด้วยเหตุผลที่ว่าพวกเราชอบขี่มอเตอร์ไซค์กัน(555) แต่เราเลือกเป็นแก๊งชอบเปอร์ เพราะด้วยความมันส์ ความมีสีสัน รวมถึงสไตล์การแต่งตัวของพวกเขาที่เป็นเอกลักษณ์ จึงจับแก๊งชอปเปอร์มาใส่ไว้ในหนัง สำหรับบทเรื่องนี้เราใช้เวลา 4- 5 เดือน กว่าจะเขียนบทออกมาเสร็จสมบูรณ์ มันยากตรงเรื่องของมนุษย์ต่างดาว เพราะไม่คุ้นเคย และก็ไม่เคยเห็นตัวจริง จึงต้องใช้ระยะเวลาในการรีเสิร์ชข้อมูลพอสมควร”
และผู้ที่ขอมีส่วนร่วมกระบวนการค้นหาข้อมูลมนุษย์ต่างดาวในครั้งนี้ก็คือ หลังเลนส์ สาระแน (เสกสรร รัตนพรพิศ) โดยเล่าว่า “ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว ผมจึงขอพี่เป้ ผู้กำกับ เข้ามาแจมในทีมเขียนบท จะเรียกว่าผมเกาะพวกพี่เขาก็ได้ครับ(555) ช่วงรีเสิร์ชหาข้อมูลหลักๆเราพึ่งพาอาศัยอินเตอร์เน็ต ใช้เวลาดูคลิปตามเว็บไซท์ต่างๆ เพื่อหาข้อมูลมนุษย์ต่างดาว สังเกตรูปร่างลักษณะควรเป็นยังไง แล้วมนุษย์ต่างดาวของหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นแบบไหน ดูหนัง ดูสารคดีที่เกี่ยวกับเอเลี่ยน แชร์ไอเดียกับพวกพี่ๆ รวมถึงเรื่องราวที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นมุกตลกใส่ลงไปในเรื่องด้วยครับ”
แน่นอนแหล่งข้อมูลหลักสำคัญที่ผู้กำกับและทีมงานเขียนบท เลือกที่จะเจาะลึกนั้นคงจะเป็นใครอื่นไม่ได้ถ้าไม่ใช่บุคคลท่านนี้ ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน (นายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย) รวมถึงบุคคลที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง โดย เป้ นฤบดี เล่าว่า “ผมได้มีโอกาสพบและคุยข้อมูลกับ ศ.ดร.นพ.เทพพนม ท่านก็มีเรื่องราวสนุกๆเล่าให้ฟังเยอะเลย ถ้าใครได้เคยดูรายการที่เขาไปออกตามโทรทัศน์ เขาจะเล่าว่าสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และเขาเคยเห็นมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว หรือจะเป็นกลุ่มของ พีท ทองเจือ ซึ่งเขาก็สนใจด้านนี้เช่นกัน กลุ่มเขากะลา จ.นครสวรรค์ กลุ่มที่บอกว่าติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้มานานแล้ว โดยผมหาข้อมูลจากกลุ่มคนพวกนี้”
จากประสบการณ์ตรงของ เป้ นฤบดี ถูกนำมาผสมผสานกับแหล่งข้อมูลอ้างอิงถึงเรื่องราวมนุษย์ต่างดาว จนกลายมาเป็นภาพยนตร์คอมิดี้-ไซไฟ ผลงานกำกับภาพยนตร์ลำดับที่ 4 ของ เป้ นฤบดี ซึ่งก่อนหน้านี้ฝากผลงานกำกับไว้กับภาพยนตร์ สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี ด้วยประเด็นการเล่าเรื่องที่ทั้งแปลก แหวก และยังไม่มีใครกล้าทำ กล้าสร้างมาก่อน โดยเล่าว่า “ประเด็นหลักของหนังคือ แก๊งมอไซค์ ภัยพิบัติ และมนุษย์ต่างดาว สำหรับมนุษย์ต่างดาวมันมีหลากหลายมุม อย่างหนังฮอลลีวู้ดที่ทำกัน เขาจะนำเสนอว่ามนุษย์ต่างดาวบุกโลก หรือไม่ก็มนุษย์โลกช่วยเหลือมนุษย์ต่างดาว ผมก็มานั่งคิดว่าถ้าเป็นประเทศไทยล่ะจะทำในลักษณะไหนดี ส่วนเรื่องของภัยพิบัติที่เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นจากสิ่งที่พวกเราทำกันเองนั่นแหละ ผมคิดว่าเวลาเราทำอะไรมันเหมือน เด็ดดอกไม้สะเทือนดวงดาว ซึ่งมันจะเชื่อมโยงกันหมดครับ และนี่คือไอเดียหลักที่พวกเรานำมาสร้างเป็นภาพยนตร์สูบคู่กู้โลก”
เปิดตัวหน่วยกู้โลก
“จ๊อด” รับบทโดย หม่ำ จ๊กม๊ก (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา)
เจ้าของอู่สูบคู่ ฉายา “จ๊อด แฮนด์ลิง” รับมรดกอู่ซ่อมรถมาจากบรรพบุรุษ ชอบสะสมมอเตอร์ไซค์ ชอปเปอร์รุ่นต่างๆ หัวเด็ด บาทาขาด ก็ไม่ยอมขายอู่แห่งนี้ แม้จะไม่มีเงินใช้หนี้ก้อนโตก็ตาม เป็นคนมีน้ำใจ และไม่เคยขัดใจ อี๊ด รุ่นน้องสุดเกรียนจอมวางแผน ที่คอยแต่จะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ทุกครั้ง
“อี๊ด” รับบทโดย เปิ้ล นาคร (นาคร ศิลาชัย)
ชายวัยกลางคน หน้าตาเหมือนคนอดนอนตลอดเวลา ฉายา “อี๊ด ก้านยาว” เพราะชอบขี่มอไซค์ชอปเปอร์ก้านยาว เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับจ๊อด ที่รักกันมากขนาดอาบน้ำ ถูรักแร้ให้กันได้ และเขานี่แหละที่เป็นคนหาหนี้ก้อนโตมาให้จ๊อดนั่นเอง ดังนั้นอี๊ดจึงต้องคอยวางแผนการไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามที่จะหาเงินมาใช้หนี้ให้ได้
“ป๋อง” รับบทโดย ภูมิ รังษีธนานนท์
หลานชายสุดเกรียน นิสัยกวนสุดๆ ไม่ค่อยจะใส่ใจอะไร จนเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ถูกชนคว่ำ ป๋อง ฟื้นขึ้นมาและกลายเป็นคนเรียบร้อย นิสัยอ่อนโยน สุภาพบุรุษ และยังซ่อมเครื่องยนต์เก่ง ซึ่งผิดกับป๋องคนเดิมจากหน้ามือเป็นหลังตรี...น!ไปเลย จนความจริงถูกเปิดเผยว่า ป๋อง คือ มนุษย์ต่างดาว!!!
“เนย” รับบทโดย แม็กกี้ อาภา
สาวเปรี้ยว แรงส์ ปากแดงสไตล์ Utip ความสามารถพิเศษ ขี่มอเตอร์ไซค์เป็น ถือคติว่าเกิดเป็นหญิงจีบผู้ชายก่อนได้ เป็นเพื่อนกับป๋องตั้งแต่เด็ก แต่เพิ่งจะตกหลุมรักก็ตอนโตเป็นนักเรียนพาณิชย์ จึงพยายามจีบป๋องแบบทุ่มสุดตัว ทั้งแจกBB ชวนไปเที่ยว เลี้ยงไอติม บลาๆๆ ....ก่อนที่จะรู้ตัวว่ากำลังออกเดทกับมนุษย์ต่างดาว!!!
การคัดเลือกนักแสดง
แก๊งสูบคู่
เมื่อ “หม่ำ จ๊กม๊ก” และ “เปิ้ล นาคร” ถูกจับคู่สวมบทฮีโร่กู้โลกกับคาแร็คเตอร์กวนๆที่ผู้กำกับ เป้ นฤบดี เล็งเห็นว่าเหมาะและเข้ากับตัวละครในภาพยนตร์ ซึ่งคำว่า “สูบคู่” คือที่มาของ 2 ตัวละครนำ “จ๊อด-อี๊ด” ที่เปิดอู่รับซ่อมมอไซค์ทุกประเภท บริการตั้งแต่เติมลมยาง เปลี่ยนลูกสูบรถ จูนแต่งเครื่องมอไซค์ และทั้งคู่เป็นรุ่นพี่-รุ่นน้องสนิทสุดซี้ระดับเกรียน ที่ชอบซิ่งมอไซค์ชอปเปอร์ โดย เป้ นฤบดี เล่าถึง คาแร็คเตอร์แก๊งสูบคู่ว่า “แก๊งสูบคู่ จะมีอยู่ 2 คน คือ อี๊ด ก้านยาว กับ จ๊อด แฮนด์ลิง ผมคุยกับ เปิ้ล นาคร ก่อนว่าจะทำหนังแนวนี้ ซึ่งเปิ้ลเขาก็สนใจมาก โดยเปิ้ลมารับบทเป็น อี๊ด ก้านยาว ที่มีคาแร็คเตอร์ เป็นคนชอบโวยวาย เจ้าความคิด แต่ขี้กลัว และก็มักจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้กับจ๊อดอยู่เสมอ มันใช่ตรงที่เรามักจะเห็นเวลาที่ เปิ้ลอยู่กับพี่หม่ำ แล้วเขามักจะชอบเล่นปีนเกลียวพี่หม่ำตลอด”
เปิ้ล นาคร เล่าถึง ความสนุกกับคาแร็คเตอร์สุดมันส์ ที่ต้องปรับลุคให้ดูเข้ม ติดหนวด ติดเครา มาดแมนด้วยเสื้อลาย
สก็อต กางเกงยีนส์ แถมยังต้องฝึกขี่มอไซค์ที่ไม่ธรรมดาในเรื่องนี้ว่า “อี๊ด เป็นเพื่อนรุ่นน้องของ พี่จ๊อด เราเป็นแก๊งมอเตอร์ไซค์ ชอปเปอร์ เป็นคนชอบวางแผนทุกเรื่อง เป็นตัววางแผนการต่างๆ แล้วก็พา พี่จ๊อดไปร่วมกับแผนการด้วยตลอด คาแร็คเตอร์ก็คล้ายตัวเราเองนี่แหละ แนวกล้าๆ แต่ใจมะหมา แต่ความยากมันอยู่ที่เราต้องขี่ชอปเปอร์ มันไม่ใช่ฮาเลย์ เดวิดสัน หรือ ดูคาติ แต่ว่านี่มันเป็นก้านยาว ที่ยาวเกือบ 2 เมตร เอ่อ!..ไม่ใช่ทุเรียนนะครับ แต่เป็นมอเตอร์ไซค์ยาว
ถึง 2 เมตร ขับคันนี้ถึงขั้นปวดแขนเลยนะ แต่ก็มันส์อีกแบบนึงดีครับ เสียงดังกระฮึ่มมาก เวลาที่เราขี่บนถนน มันก็เพลินดีนะ เข้าใจเลยทำไมผู้ชายส่วนใหญ่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามสถานที่ต่างๆ”
เป้ นฤบดี เล่าต่อว่า “ซึ่งแน่นอนครับคนที่เหมาะจะมารับบท จ๊อด ก็หนีไม่พ้นพี่หม่ำ จ๊กม๊ก และเราก็เห็นความน่ารักของพี่หม่ำตรงที่ เขาเป็นคนรักพวกพ้อง เป็นผู้ใหญ่ที่นิ่ง น่ารัก เวลาโดนน้องแหย่ จะมีอารมณ์โกรธ โมโห แต่จะไม่จริงจังอะไร เหมาะและตรงกับคาแร็คเตอร์ จ๊อด หัวหน้าแก๊งสูบคู่ เจ้าของอู่ มีนิสัยรักลูกน้องและเสียสละ มีความขัดแย้งในตัว รักอิสระ แต่ต้องมาอยู่อู่ที่เป็นสมบัติของพ่อเขาที่ไม่อยากให้ขาย ตอนจีบพี่หม่ำมาเล่นก็ใช้เวลานานอยู่ แล้วเขาก็ตอบตกลงด้วยเหตุผลที่ว่า หนังแปลกดีน่าสนใจ(หัวเราะ) นับว่าเราโชคดีมากครับ”
หม่ำ จ๊กม๊ก เล่าถึงบทบาทครั้งใหม่ว่า “เป็นเจ้าของอู่มอเตอร์ไซค์ ชื่อ จ๊อด ฉายา จ๊อด แฮนด์ลิง คาแร็คเตอร์จะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆ เป็นคนทำมาหากินมากกว่า แต่ว่าเรื่องที่มันเกิด เกิดเพราะไอ้อี๊ด มันชอบหาเรื่องมาให้ตลอด ชอบพาไปนอกลู่ นอกทาง จนมีปัญหาหลายๆอย่าง ทำให้เราปวดหัว มีหลานชื่อ ไอ้ป๋อง หลานก็ดันชอบทำตัวลึกลับอีก ส่วนเรื่องขี่มอไซค์ผมไม่ได้กังวลอะไรเลย เพียงแต่ไม่ได้จับมันมานานเกือบ 20 ปีแล้ว ขี่แปปเดียวมันก็ได้อยู่แล้ว แต่บังเอิญว่ามันไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ธรรมดาทั่วไป มันก็ยากนิดหน่อยขี่ได้ประมาณ 10 กิโลเมตร ขาเริ่มสั่นล่ะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้า รองเท้า ก็จะเฮ้วๆหน่อยนะ กางเกงยีนต์ขาเดฟ เสื้อหนัง ก็จะออกมาเท่ๆหน่อย มีหมวกกันน็อค ใส่ถุงมือ เครื่องประดับครบแบบฉบับนักขี่มอเตอร์ไซค์เลยล่ะ”
แก๊งผู้บุกรุก (หัวใจ)
ถึงคราวที่ต้องหา มนุษย์ต่างดาว มาฟีเจอริ่งกับ แก๊งสูบคู่ตัวแสบ แล้วใครกันจะเป็นผู้ถูกคัดเลือกสวมบทสำคัญในครั้งนี้ จนวันนึง เป้ นฤบดี ได้บังเอิญเจอกับ เอ ศุภชัย นักปั้นดาราผู้โด่งดังในวงการบันเทิงไทยบ้านเรา พร้อมกับส่งมอบ นักแสดงหนุ่มวัยรุ่น ภูมิ รังษีธนานนท์ ให้กับผู้กำกับเป้ ด้วยการการันตีอย่างหนักแน่นว่า คาแร็คเตอร์ที่กำลังตามหาจะเป็นใครไปไม่ได้เลย ต้องเด็กคนนี้คนเดียวเท่านั้น!!! จนเมื่อถึงวันเปิดกล้อง ทั้งทีมงาน และผู้กำกับต่างก็ลงมติเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละ ใช่เลย มนุษย์ต่างดาว ที่ตามหา โดย เป้ นฤบดี เล่าถึงนักแสดงดาวรุ่งครั้งนี้ว่า “ผมอยากให้จับตามมอง ป๋อง หลานของจ๊อดในเรื่องนี้ครับ รับบทโดย ภูมิ รังษีธนานนท์ เราตั้งโจทย์ไว้คร่าวๆว่า อยากได้เด็กไทย วัยรุ่นอายุประมาณ 17-18 ปี แล้วครั้งแรกที่เราเจอภูมิ เขามีความเป็นธรรมชาติของตัวเองสูงมาก มันใช่เลยครับ ตรงกับคาแร็คเตอร์ของ ป๋อง ที่มีนิสัยทะโมน กวนตีน ทำตัวซ่า ออกแนวปากหมา แต่หนักกว่านั้นคือ ภูมิจะต้องรับบทเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ ซึ่งภูมิเองก็ทำการบ้านมาดีมากครับ เขาตีโจทย์มนุษย์ต่างดาวออกมาได้อย่างเข้าท่าเลย”
ภูมิ รังษีธนานนท์ เล่าถึงการประเดิมบทพระเอกครั้งแรก เหมือนโดนรับน้องเต็มๆ ที่ต้องแสดงควบ 2 บทบาท “ด้วยความที่เป็นหนังคอมิดี้ ผมก็หลุดขำตลอดเลย แถมเรื่องนี้ผมต้องแสดงเป็น 2 คาแร็คเตอร์ คือรับบทเป็น ป๋อง หลานของน้า จ๊อด กับน้าอี๊ด ที่มีนิสัยกวน จนวันนึงป๋องก็เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังตรี...น! ซึ่งก่อนเปิดกล้องผมมีไปเรียนแอ็คติ้งการแสดง พยายามเล่นออกมาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่พอสวมบทมนุษย์ต่างดาวมันต้องนิ่ง เมื่อมาเจอพี่เปิ้ล-พี่หม่ำผมจะไหวหรอ ขนาดเตรียมตัวมาแล้วก็ยังหลุดขำกระจายครับ”
เป้ นฤบดี เล่าถึงความประทับใจพระเอกน้องใหม่ว่า “มันพิเศษก็ตรงที่ภูมิเวลาเข้าฉากเจอพี่หม่ำ กับเปิ้ล พวกเขาเหมือนเป็นคนเผ่าพันธุ์เดียวกันนะ(หัวเราะ) คนละวัยแต่ไปด้วยกันได้ดี” พร้อมทั้งพูดถึง แม็กกี้ อาภา กับบทนางเอกสาวที่จะมาตกหลุมรักมนุษย์ต่างดาวแบบไม่รู้ตัว ในเรื่องนี้ว่า “แม็กกี้ จะต้องดึงความเป็นตัวเองออกมาค่อนข้างเยอะเลยในเรื่องนี้ ซึ่งคาแร็คเตอร์ เนย จะเป็นนักเรียนหญิงพาณิชย์ เป็นเด็กแก่แดดแก่ลม นิสัยเฮี้ยวๆ กล้าจีบผู้ชาย ผมให้น้องเขาทำการบ้านเกี่ยวกับวัยรุ่น ภาษาที่วัยรุ่นเขาชอบใช้กันในโซเชียลเน็ตเวิร์ค จะเป็นภาษาวิบัติเพี้ยนๆ ที่จะต้องเอามาใช้ในหนังเวลาที่เข้ากับกลุ่มแก๊งเพื่อนสาว ต้องยอมรับว่าแม็กกี้เขาใช้ยีนส์พ่อมาเล่นหนังได้อย่างดีเลย ตา ปาก แววตา เฮ้ยนี่มันพี่อรุณ ภาวิไลชัดๆ(หัวเราะ)”
แม็กกี้ อาภา ก่อนหน้านี้เธอรับบทสาวดราม่าจัดจากภาพยนตร์ คน-โลก-จิต ซึ่งนับว่าเป็นบทบาทที่ยากและท้าทายไม่น้อยสำหรับเธอเลย แต่เมื่อแม็กกี้ถูกโดนทาบทามจาก เป้ นฤบดี เพื่อมารับบทนางเอกคอมิดี้เป็นครั้งแรกนี่สิ เธอจะต้องจัดเต็มกับบทบาทครั้งนี้อย่างไรกัน โดยแม็กกี้ เล่าว่า “บทของ เนย จะต้องแต่งหน้าจัดจ้าน ทาปากแดง ทาหน้าวอกๆหน่อย ตามสไตล์เด็กต่างจังหวัด เท่านั้นไม่พอ ยังต้องเดินขาโก่งๆ หัวเข่าต้องดูดำๆ แล้วก็ต้องแว๊นส์ให้เป็น คือต้องขี่มอเตอร์ไซค์ และเนยจะเป็นหัวโจกของกลุ่มเพื่อนสาว ในแก๊งก็จะมีกันอยู่ 3 คน ไปไหนเราก็จะไปด้วยกันตลอด ส่วนเรื่องมุกตลก เพิ่งเคยได้ลองเล่นก็ติดใจกับการยิงมุกฮาๆ รู้สึกเป็นธรรมชาติและสนุกดีค่ะ”
นอกจากฝึกฮา ยิงมุกตลก แม็กกี้ ยังต้องรับบทที่ตัวเธอเองยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต คือ การตามจีบผู้ชาย โดยเล่าต่อว่า “เนยพอได้เจอกับป๋องก็ปิ๊งทันที จากนั้นตั้งหน้าตั้งตาจีบเลย โอ้ยยย..(ลากเสียงยาวมาก) ฉากที่จะต้องเข้าไปจีบผู้ชายเนี่ย เขินมาก เราเป็นผู้หญิง แล้วเราก็ไม่เคยที่จะต้องไปจีบใครเขาก่อน พอจีบไปได้สักพักดันรู้ความจริงว่า ป๋องเป็นมนุษย์ต่างดาว งานเข้าเลยทีนี้ เกิดเป็นความรักระหว่างคนกับมนุษย์ต่างดาว แล้วจะลงเอยไงล่ะทีนี้”
แก๊งร่วมป่วนโลก
นอกจากนักแสดงนำที่จะชวนกันฮาทะลุโลกแล้ว เป้ นฤบดี ยังขอเบิ้ลความฮาด้วยแขกรับเชิญสุดพิเศษโดยเล่าว่า “นักแสดงรับเชิญเรื่องนี้มากันเยอะครับ ยกตัวอย่าง ดีเจเชาเชา มารับบทเป็นนักปั่นจักรยานเสือหมอบ ทั้งเรื่องปั่นอยู่คนเดียว ออกแนวเพี้ยนๆ แล้วก็ต้องเจอกับมนุษย์ต่างดาวด้วยเช่นกัน ส่วน พี่จตุรงค์ มกจ๊ก มารับเชิญเป็นนักสืบจอมโหด ต้องปะทะมุกตลกทั้งพี่หม่ำ และเปิ้ล กันอย่างถึงพริกถึงขิง ส่วนนักแสดงรับเชิญที่ทำให้กองถ่ายแตก คือ ก้อง นูโว ที่วันนั้นสาวๆในกองไม่เป็นอันทำงานกันเลยครับ แม้แต่ ต๊อก ศุภกรณ์ รับเชิญในบท จ่าเสม ก็แสดงแบบจัดเต็มมากๆ หรือ พีท ทองเจือ นอกจากเป็นแหล่งข้อมูลของเราแล้ว เราก็ยังเชิญมาร่วมแสดงด้วยเช่นกันในบท เฮียง้วน และยังมีอีกหลายคนเลยครับที่เราเชิญมาร่วมสร้างความสนุก”
ฉากฮาหลุดสุดสะท้าน
เปิดตัวแก๊งสูบคู่
เป้ นฤบดี เล่าถึงการร่วมงานกับนักแสดงคุณภาพ และเล่าถึงฉากประทับใจในสปิริทของหม่ำ จ๊กม๊ก ครั้งนี้ว่า “ฉากที่ประทับใจคือ ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ ด้วยการที่พี่หม่ำต้องสวมบท จ๊อด แฮนด์ลิง ดังนั้นแฮนด์จะต้องสูงขนาดนี้(ทำท่า) ผมลองขี่ดูแล้วมันไม่ง่ายเลยครับ ส่วนเปิ้ล นั้นฉายาเขา อี๊ด ก้านยาว คนที่จะขี่มอไซค์ก้านยาวได้นั้น ผมว่าต้องเป็นนักเจ็ทสกีระดับโลกเท่านั้นเลยนะ แล้วทั้งคู่เขายอมขี่กันจริงๆ โดยวันนั้นต้องขี่บนถนนยาวประมาณ 15 กิโลเมตรเท่านั้นไม่พอต้องขี่ปาดหน้ากันไปมาด้วยนะ แล้วไม่มีการซ้อม ขี่กันจริงตอนนั้นเลย แต่พอขี่ไปได้สัก 10 กิโลเมตร พี่หม่ำขอจอดมอไซค์ แกลงไปนั่งกองกับพื้นถนน ขาสั่นพับๆ และบอกว่า เขาไม่ได้ขี่มอไซค์มาจะ 20 ปีแล้ว ผมยกให้แกเลยเรื่องสปิริทการแสดง ประทับใจพี่หม่ำมากครับ”
เปิ้ล นาคร เล่าถึงฉากนี้ว่า “เป็นฉากที่เราสองคนดูเท่มาก ต้องแซงกันไปแซงกันมา ด้วยความที่มอเตอร์ไซค์ของพี่หม่ำหน้าไม่ยาวเท่ากับมอเตอร์ไซค์ของเรา เวลาแซงปาดหน้าเขาจะมาทับรถเราตลอด เราก็พยายามดิ้นไปดิ้นมาไม่ให้โดน แต่เขามั่นใจศักยภาพการขี่มอเตอร์ไซค์ของเขามาก สังเกตเวลาเขาขี่ไม่เหมือนขี่ชอปเปอร์เลยนะ เหมือนอะไรไปดูเอาเอง พี่หม่ำเขาเรียกตัวเขาเองว่าซุปตาร์ขาลง แต่ถ้าเมื่อไหร่หนังเรื่องสูบคู่กู้โลกเข้าฉาย เรา 2 คนจะกลายเป็นซุปตาร์ขาขึ้นแน่นอน อิอิ”
หม่ำ จ๊กม๊ก เล่าถึงการร่วมงานกับผู้กำกับ เป้ นฤบดี ว่า “ผมกับเป้ เรารู้จักกันมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ยุคสาระแน นั่งยางโชว์ เราก็ร่วมงานกันมาบ่อยอยู่ เป้เขาเป็นคนฉลาดเลยแหละ และเป็นคนเข้าใจอารมณ์ศิลปะภาพยนตร์ได้อย่างดี เวลาที่เขาต้องการอะไรเขาก็จะบอกเรา อารมณ์ซีนนี้ต้องเป็นประมาณนี้นะพี่ หรือซีนนี้มันต้องซีเรียส อยากให้ออกซึ้งๆหน่อย เขาจะบอกตลอดถ้าเขาต้องการให้หนังสื่อออกมาเป็นแบบไหน”
สยิวกิ้ว หม่ำ-เปิ้ล เปลือยลงอ่าง
ฉากเด็ด มุกฮา ที่ไม่อยากให้พลาด หม่ำ-เปิ้ล เล่นจริง จับจริง และเสียวจริง โดยไม่มีการเตี๊ยมมุก หรือซ้อมกันมาก่อน เรียกว่ามุกสดที่จะต้องประชันกันแบบจะจะเลย โดย หม่ำ จ๊กม๊ก เล่าถึงฉากสยิวกิ้วนี้ว่า “เป็นฉากอาบน้ำในอ่าง เรื่องมันเกิดขึ้นก็คือไอ้อี๊ดชวนเราไปเล่นการพนัน เราก็ไม่อยากไปแต่ก็ต้องยอมมัน แล้วมันก็ดันเอาเงินเราไปเล่นจนเสียหมดอีก ก็เลยโมโห งอน พอกลับมาบ้านไอ้อี๊ดมันก็เลยไถ่โทษด้วยการอาบน้ำให้ อาบไปอาบมาเหมือนคู่เกย์กันมาก ตอนแสดงเปิ้ลมันก็เล่นจริงจังมาก ถูรักแร้ให้ เราก็จั๊กกะจี้ มันเล่นจริง หยิกจริง ใช้เวลาถ่ายประมาณ 2 เทคได้ อ่อ มันจับจริงด้วย ต้องไปดูในหนังมันจับอะไร”
เปิ้ล นาคร เล่าต่อว่า “เป็นเรื่องของลูกผู้ชายชอปเปอร์ สูบคู่ที่ลงอ่างอาบน้ำด้วยกัน เราเล่นกันแบบเข้าขากันดี พี่หม่ำไม่ถือตัวด้วย เขาเป็นรุ่นพี่แต่อนุญาตให้เราทำอนาจารเขาได้หลายอย่าง อยากจะบอกว่าของพี่หม่ำน่ารัก(หึหึ) น่าหม่ำมากๆ(ทำท่ากัดปาก)” พร้อมทั้งเล่าถึงความรู้สึกที่ได้การร่วมงานกับนักแสดงตลกรุ่นพี่ว่า “โอ้ย! เล่นคู่กับพี่หม่ำนี่ เคยฝันไว้เลยว่าชาตินี้ ถ้าเรามีบุญจริงๆนะ ขอให้มีโอกาสเล่นหนังกับพี่หม่ำสักเรื่องนึงเหอะ จะเป็นเกียรติกับวงศ์ตระกูลของเรามาก จะเป็นเกียรติกับนามสกุลศิลาชัยมากที่ได้ฟีเจอริ่งกับตระกูลวงษ์คำเหลา พอได้เล่นจริงๆ โหว...พี่หม่ำ(หัวเราะ) เขาเกินมนุษย์อ่ะ เราเคยคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ตลกทั่วไป เขาเป็นซุปตาร์นะ แต่จริงๆแล้วพี่หม่ำเป็นมนุษย์ต่างดาว เขาเป็นอะไรที่คิดแปลกอยู่ตลอดเวลา แบบตลกคนอื่นก็จะมีสูตรของเขาเล่น หนึ่ง สอง สาม ตึ่ง โป๊ะ!!! แต่พี่หม่ำเนี่ย หนึ่ง สอง และ พลิกไปไหนก็ไม่รู้ เราก็อ้าว...แล้วไงดีเนี่ย แต่ว่าเราเป็นคนชอบจังหวะแบบนี้ ชอบจังหวะที่คนคาดไม่ถึงเหมือนกัน มันก็เลยเกิดเคมีที่เรียกว่าลงตัว เป็นสูบ2สูบที่ขาดกันไม่ได้พอเวลาเล่นเฮ้ย!มันส์ดีว่ะ มิน่าทำไมเขาถึงเป็นซุปตาร์อันดับหนึ่งของประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ของไทยนะ ของไทยต้องเปิ้ล นาคร(ยิ้ม)”
กุ๊กกิ๊ก อาโนเนะ ที่ลากยาวถึง 6 ชั่วโมงเต็ม
เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับอารมณ์ดี ทำแต่หนังตลกเฮฮา พอถึงฉากที่ต้องมีเลิฟซีน เป้ นฤบดี ถึงกลับบ่นว่ายากที่สุด “สำหรับผมแล้วฉากเลิฟซีน กลายเป็นฉากที่ยากสำหรับผมนะ ก็มันเป็นหนังตลก พอมีเลิฟซีนเข้ามามันดูขัดอารมณ์นิดหน่อย แต่ว่าในบทมันต้องมีครับ เป็นฉากสำคัญซะด้วย โดย เนย นางเอกของเรื่องช่วยเติมพลังให้กับมนุษย์ต่างดาว แค่ฉากเติมพลังนี่แหละครับ ใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมง เริ่มถ่ายตอน 5 ทุ่ม กว่าจะถ่ายเสร็จปาไปตี 5 สว่างเลยครับ”
แม็กกี้ เล่าถึงฉากเลิฟซีนทรหดครั้งนี้ว่า “มันก็พอมีกุ๊กกิ๊กหลายฉากนะ อย่างฉากกอดก็เล่นไป 18 เทค แม็กกี้เขินด้วย และบางทีมันก็อยู่ที่จังหวะวิ่ง จังหวะกระโดดกอดอีก แต่ฉากกุ๊กกิ๊กเยอะกว่านี้ก็มีนะคะ เป็นตอนที่เนยจะต้องเติมพลังให้ป๋อง เนยก็เลย จุ๊บ แค่จุ๊บนี่แหละค่ะ ถ่ายกันยันเช้า 6 ชั่วโมงเต็ม อีกอย่างมันคือจุ๊บแรกของแม็กกี้ด้วยค่ะ” แม็กกี้เล่าต่อถึงการร่วมงานกับผู้กำกับและนักแสดงรุ่นพี่อีกว่า “รู้สึกโชคดีมากๆที่ได้เจอนักแสดงรุ่นใหญ่ พี่หม่ำ และพี่เปิ้ล โอ้วโห! พวกพี่เขาปล่อยมุกตลกกันกระจายเลย หรือถ้าได้เข้าฉากด้วยแม็คกี้ก็จะหลุดขำมุกพวกพี่เขาตลอด ต้องพยายามตั้งสติจะได้ไม่หลุด ส่วนพี่เป้ เป็นผู้กำกับมืออาชีพ ทำงานกับพี่เป้ เขาจะเป๊ะทุกอย่าง ในเรื่องมุมกล้อง เรื่องมุกตลก ทุกครั้งก่อนที่จะเข้าฉากพี่เป้จะเป็นคนมาบรีฟบทเองเลย และจะบอกกับนักแสดงว่าต้องการแบบนี้นะ ฉากนี้อารมณ์ประมาณนี้นะ มากน้อยประมาณไหน บางทีแม็คกี้แสดงออกมามากไป พี่เป้ก็จะบอกว่าน้อยลงมาหน่อยเยอะไปนะ(555) พี่เป้ใจดี ไม่ดุเลยค่ะ”
วันเกิดสุดเซอร์ไพรส์ ต้อนรับพระเอกใหม่
เมื่อเป็นนักแสดงน้องใหม่ ก็ต้องเจอพวกพี่ๆละลายพฤติกรรม หรือถูกกลั่นแกล้งเป็นเรื่องธรรมดา พระเอกหนุ่ม ภูมิ รังษีธนานนท์ ก็ไม่พ้นที่จะโดน 2 รุ่นพี่แท็คทีมแกล้ง โดยภูมิเล่าว่า “ฉากวันเกิด ป๋องครับ น้าจ๊อดกับน้าอี๊ดมาเลย เดินถือเค้กมาเซอร์ไพรส์วันเกิดหลาน ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ แล้วเขาก็บอกให้ผมหลับตาอธิษฐาน เท่านั้นแหละครับ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู ปั๊ป!เต็มหน้าเลย แอบดึงเทียนออกตอนผมหลับตาอย่างไว แสบตามาก เค้กเต็มตาเลย (555) โหววว...เล่นเราซะเสียเลย พี่เปิ้ลนี่ตัวการเลย เทคเดียวฮาเลยครับ ร่วมงานกับพี่หม่ำ เขามีความเป็นโปรเฟสชั่นนอลมาก อย่างบางทีเขาจะอิมโพรไวส์เองไม่ต้องเล่นตามบท คือเห็นอะไรเล่นได้หมดเก่งมากครับ และด้วยความที่พี่หม่ำเป็นถึงซุป’ตาร์ตลกอันดับต้นเลย ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่เขามาก่อน ตื่นเต้นมาก ครั้งแรกที่ต้องเข้าฉากร่วมกัน ผมไปไม่เป็นเลยนะ โอ้วโฮ!ตัวเกร็งมาก แต่พอเริ่มเข้าฉากกันบ่อยก็โอเคครับ พี่หม่ำเป็นคนน่ารักนิสัยดี ส่วนพี่เปิ้ล นอกบทตลอดเลยครับ ฉากที่ต้องนอนอยู่ เขาก็ลากผมลงมากองกับพื้นซะงั้น ฮาเลย เขาชอบเล่นตอนผมเผลอ ร้ายอ่ะ(555)”
เปิ้ล นาคร เล่าถึงการร่วมงานกับภูมิ ครั้งนี้ว่า “ตอนแรกเราก็แอบคิดนะ น้องคนนี้จะเล่นไหวเหรอแต่พอได้คลุกคลีกันบ่อย อยู่ด้วยกันมากๆ ก็เฮ้ยหน้าภูมิมันเหมือนมนุษย์ต่างดาวเลย กระดิกหูได้อีกด้วย มีรอยยิ้มเป็นมนุษย์ต่างดาว ส่วนตัวของภูมิเองก็มีความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวมีจริง ภูมิแรงเยอะมาก ว่างไม่ได้ ต้องเดาะบอลใส่ผนังห้องนอน เราแทบไม่เป็นอันนอนเลย เดาะตึ่ง ตึ่ง ตึ่ง ตอนกลางคืน เปิดประตูไปถามเฮ้ยทำไรว่ะภูมิ น้องตอบว่า อ่อ!ผมเตะบอลอัดผนังครับ อายุ 17 ปี วัยกำลังเดาะบอลเลย(หัวเราะ) ไฮเปอร์มาก”
เป้ นฤบดี เล่าถึงการร่วมงานกับทีมนักแสดง และคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้นักแสดงเหล่านี้มาเติมความสนุกแบบเต็มพิกัดในภาพยนตร์ล่าสุดของเขาครั้งนี้ว่า “มันสนุกตั้งแต่เราเริ่มคิดไอเดียของหนังออกมาแล้ว และมันก็น่าตื่นเต้นตรงที่หนังเรื่องนี้ผมแพ็คทีมนักแสดงและทีมงานสร้างไปไกลถึงจันทบุรี โดยจับอยู่ในที่เดียวกันหมดไม่มีใครหนีไปไหนได้(555) จะหลุดคาแร็คเตอร์ก็ไม่ได้ เพราะตื่นเช้ามาก็ต้องใส่ชุดทำงานกันต่อ พี่หม่ำตื่นเช้ามาเขาก็จะมาช่วยเสนอมุก ไอเดียตลกกับผมตลอด แม้จะเลิกกองตอนเย็น พี่หม่ำก็ยังเอามุกใหม่ๆมาเสนอตลอด การร่วมงานกับพี่หม่ำสนุกมาก แล้วเขาเป็นคนตั้งใจทำงานเต็มที่กับงาน และมีสปิริทการแสดงสูงมาก ส่วนเปิ้ลเราร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่เรื่องบทหนังแล้วครับ เวลาผมรู้สึกติดขัดก็จะถามเปิ้ลเขามีไอเดียอะไรเสนอไหม เขาก็จะมาช่วยเติมบทให้สมบูรณ์มากขึ้น เปิ้ลเหมือนเป็นคนดูให้กับผม ในขณะที่หนังยังไม่สร้าง ซึ่งอันนี้มีประโยชน์มากเลย”
เปิ้ล นาคร เสริมถึงการร่วมงานกับผู้กำกับสุดซี้ต่อว่า “ได้กลับมาร่วมงานกันอีก ก็ยังเป็นกองถ่ายที่สนุกมากครับ สำหรับเป้ เขากำกับเรามาตั้งแต่หนังเรื่องแรกของเขาเลย สาระแนห้าวเป้ง สาระแนสิบล้อ สาระแนเห็นผี ก็คนนี้แหละครับผู้กำกับคนเดียวกัน เจ้าของเดียวกันกำกับมาตลอด...แล้วก็เข้าใจทางการแสดงของเราอย่างดี เพราะฉะนั้น อารมณ์ต่างๆของหนังก็จะเป็นลายเซ็นต์เดียวกันของคุณเป้ นฤบดี เวชกรรม เราเองก็มีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับเขา เป้ เป็นผู้กำกับที่เปิดโอกาสให้นักแสดงได้แชร์ไอเดียอย่างเต็มที่ เป้จะบอกว่าต้องการอารมณ์แบบไหน นักแสดงจะต้องตีโจทย์และทำความเข้าใจ พอทำการแสดงออกมาแล้ว ใช่ หรือ ไม่ใช่ เดี๋ยวเป้เขาจะบอกว่าต้องแบบนี้นะ แบบนั้นนะ ซึ่งผมประทับใจการทำงานของเป้ เวลาได้ทำงานร่วมกันแล้วเราจะรู้สึกรีแลกซ์ และสนุกมากครับ”
เบื้องหลังการออกแบบความฮา
ปี 2009 สาระแน ห้าวเป้ง !! คือผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ เป้ นฤบดี ที่กวาดรายได้ทะลุถึง 100 ล้านบาท ต่อมา ปี 2010 สาระแนสิบล้อ และ สาระแนเห็นผี ก็เป็นหนังที่เรียกเสียงฮาและกวาดรายได้อย่างไม่ทิ้งห่างกันเลย จนเมื่อเขาตัดสินใจเปิดโปรดักชั่นเฮ้าส์ (เดอะ พิพัล ทรี จำกัด)เป็นของตัวเอง และมุ่งมั่นลุยหน้าสร้างภาพยนตร์อย่างเต็มกำลัง โดยเล่าว่า “หลักๆแล้วทีมงานสร้างก็ทีมงานเดิมที่ทำหนังมาด้วยกันตั้งแต่ สาระแนห้าวเป้ง เรื่องแรกกันเลย ทีมเขียนบทหลักๆก็เป็น ชอ กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์ ซึ่งมี หลังเลนส์ เสกสรร เข้ามาช่วยเสริมบทและเป็นทีมงาน ส่วนทีมตัดต่อความฮาเป็น กอล์ฟ พิชานนท์ และ อัพ วิสิฏสร เจ้าเดิม รวมถึงผู้ออกแบบงานสร้าง สมยศ ศรีดา หรือแม้แต่ สตาร์บัคส์ พงศ์พิชญ์ ก็เข้ามาร่วมทีมด้วยเช่นกันครับ”
ซึ่งช่วงระยะเวลาในการถ่ายทำ เป้ นฤบดี ขอยกกองไปปักหลักที่ จ.จันทบุรี บ้านเกิดของตัวเอง และ เลือกใช้โลเคชั่นทุกซอกทุกมุมเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ โดยเฉพาะโลเคชั่นหลักของเรื่องนี้ คือ อู่สูบคู่ ที่ทีมออกแบบงานสร้าง ต้องเนรมิตอู่ซ่อมมอไซค์ และสร้างขึ้นมาใหม่ ณ บริเวณใต้สะพานปากน้ำแขมหนู ใกล้กับหาดเจ้าหลาว บริเวณที่ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่า เคยเป็นจุดที่มีคนเห็นมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว...อุ๊บส์! โดย เป้ นฤบดี ขอเล่าถึงโลเคชั่นหลักในการถ่ายทำว่า “เราเลือกบริเวณ หาดเจ้าหลาว ที่รายล้อมไปด้วย ภูเขา ทะเล ต้นไม้ บรรยากาศแบบนี้แหละ ผมคิดว่า เหมาะที่จะเล่าเรื่องมนุษย์ต่างดาว จุดที่เราทำการเซ็ทฉากอู่สูบคู่ขึ้นมา คือ ใต้สะพานปากน้ำแขมหนู เป็นจุดปากอ่าวพอดี และมันบังเอิญมากที่โลเคชั่นตรงนี้เป็นจุดที่มีคนเคยเห็นมนุษย์ต่างดาวด้วย เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ เขาเล่ามาอีกทีว่าเห็นตรง
สะพานข้ามปากอ่าวนี้เลย เราใช้อู่สูบคู่เป็นโลเคชั่นหลัก และใช้เวลาสร้างประมาณเดือนนึง เพราะตรงนั้นเป็นเพียงศาลาโล่งๆ มีเสาอยู่ประมาณ 8 ต้นเองครับ”
สมยศ ศรีดา ผู้ออกแบบงานสร้าง เล่าเสริมต่อว่า “ผมออกแบบอู่สูบคู่จากสภาพแวดล้อมตามที่มีอยู่ เริ่มแรกออกแบบมาเป็น3D เพื่อให้ผู้กำกับดูความเหมาะสมในแต่ละส่วนของอู่ และเพื่อรองรับกับมุมกล้องที่จะต้องใช้ถ่ายในแต่ละฉากก่อน จากนั้นเมื่อถึงขั้นตอนการสร้างขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องมีการเก็บงานพวกรายละเอียดของอู่ค่อนข้างเยอะพอสมควร สำหรับการออกแบบงานสร้างของเรื่องนี้จึงค่อนข้างใช้เวลาเป็นเดือนครับ รวมถึงระยะเวลาการขนส่งพวกอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆของจากกรุงเทพมาถึงจันทบุรี แต่เราโชคดีที่สามารถหามอไซค์พวกชอปเปอร์ มอไซค์แต่งจากที่นู่น ผมไปเจออู่รถชื่อ อู่ช่างเล็ก ต้องขอบคุณอย่างมาก แถมพี่เล็กยังใจดีนำอุปกรณ์รถ และแก๊งชอปเปอร์ของเขามาร่วมแสดงเข้าฉากให้อีกด้วย”
การออกแบบ มนุษย์ต่างดาว และฉากพิเศษ ระดับอินเตอร์
หลังจากที่คนดูฮือฮากับฉากผีรถสิบล้อทรานฟอร์เมอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง สาระแนสิบล้อ กันมาแล้ว กลับมาคราวนี้ ภาพยนตร์ สูบคู่กู้โลก เป็นแนวคอมิดี้-ไซไฟ ที่นำเอาเรื่องต่างดาวเข้ามาผสมปนความฮา ซึ่ง เป้ นฤบดี ก็อดที่จะทำเซอร์ไพรส์กับการดีไซน์ มนุษย์ต่างดาว จานบิน รวมถึงฉากพิเศษ ที่เชื่อว่าในประเทศไทยคงยังไม่มีใครกล้าทำมาก่อน ให้กับบรรดาแฟนหนังที่รอติดตามผลงานล่าสุดของเขาอยู่ ด้วยการแท็คทีมกับ เซอร์เรียล สตูดิโอ ทีมออกแบบเทคนิคพิเศษทางภาพ ทีมเดิมและทีมเดียวกับสาระแนสิบล้อนั่นเอง โดย เป้ นฤบดี เล่าถึงการออกแบบดีไซน์ มนุษย์ต่างดาวเบื้องต้นว่า “ผมตีความมนุษย์ต่างดาว ว่าสื่อสารด้วยจิต รูปร่างคล้ายมนุษย์นี่แหละ แต่สามารถรับรู้ความคิดคนอื่นได้ ไม่ซับซ้อน ไม่โกหก ไม่ทำร้าย และก็บริสุทธิ์ ถ้าเทียบกับมนุษย์ต่างดาวตามข้อมูลจริงจะมีหลายชนิดมาก คือ มีทั้งร้าย มีทั้งดี มีเผ่าพันธ์ แต่เราไม่ได้ไปติดกับอะไรตรงนั้น เราเอามาปรับเปลี่ยนให้มันเป็นอารมณ์ของป๋องครับ”
ซึ่งรับรองว่าคนที่ชอบดูภาพยนตร์ไซไฟ คงไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ด้วยทีมงานออกแบบเทคนิคพิเศษภาพระดับโปรเฟสเชอนอล เซอร์เรียล สตูดิโอ ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์มนุษย์ต่างดาว และการดีไซน์ฉากสุดอลังการที่เทียบเท่าหนังฮอลลิวู้ด โดย โก้ ทศพร ผู้ออกแบบเทคนิคพิเศษทางภาพ เล่าถึงการดีไซน์มนุษย์ต่างดาวเวอร์ชั่นพิเศษ ในครั้งนี้ว่า “ทางพี่เป้ ผู้กำกับจะดีไซน์เบื้องต้นมาก่อน ตอนเรานั่งคุยกันต่างคนจะมีภาพมนุษย์ต่างดาว และจานบิน อยู่ในหัวกันอยู่แล้ว แต่สำหรับมนุษย์ต่างดาวสไตล์ของเป้ นฤบดี จะมีความเป็นสากล และใส่ความเป็นไทยเข้ามาผสมผสาน เริ่มจากการดีไซน์
จานบินช่องเปิดปิดของยาน หรือตัวยานที่เรานำลักษณะของดอกบัวเข้ามาเล่นในการดีไซน์ และไม่เหมือนจานบินที่เราเคยเห็นอย่างแน่นอนครับ ส่วนตัวมนุษย์ต่างดาว จะเป็นสีเทา ใส่ความเป็นเด็กที่ดูน่ารักเข้าไป หัวโต ตาโต ตัวออกนิ่มๆหยุ่นๆเหมือนก้นเด็ก การออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเรื่องนี้ยากกว่าเรื่อง สาระแนสิบล้อ เพราะมีช็อทดีไซน์ค่อนข้างเยอะ
ยกตัวอย่าง ฉากที่เกิดภัยพิบัติ ฉากป๋องใช้พลังจิต ฉากอวกาศนอกโลก ซึ่งทีมงานต้องทำงานกันหนักเพื่อการออกแบบดีไซน์ออกมาดูสมจริง ถึงแม้มันจะเป็นหนังตลก แต่ในเรื่องของ CG ทีมงานเราออกแบบกันจริงจังมากครับ”
บทเพลงป้องกันโลกขึ้นสนิม
เปิ้ล นาคร นอกจากจะเป็นนักแสดงนำ และช่วยสรรหามุกตลกมาเสริมในบทภาพยนตร์ครั้งนี้แล้ว เขายังอาสาแต่งเนื้อร้อง เพลงประกอบภาพยนตร์ สูบคู่กู้โลก ที่มีชื่อเพลงว่า “บาดทะยัก” พร้อมกับเข้าห้องอัดลงเสียงร้องเองอีกด้วย โดย เปิ้ล นาคร เล่าให้ฟังถึงการทุ่มสุดตัวครั้งนี้ว่า “ผมชอบทำนองเพลงนี้ ฟังแล้วมันโจ๊ะๆดี แล้วผมก็มาแต่งเนื้อร้องใหม่ ซึ่งตั้งชื่อเพลง บาดทะยัก มันมีที่มาแบบนี้ครับ ทุกวันนี้โลกเราเกิดภัยพิบัติมากมาย และมันก็เกิดจากฝีมือมนุษย์เราเองนี่แหละดังนั้นเราจึงต้องช่วยกันรักษาโลกของเราให้น่าอยู่ ป้องกันโลกของเราให้ดีก่อนที่โลกเราจะแตก หรือก่อนที่โลกเราจะเป็นสนิมนั่นเอง เปรียบได้กับความรัก คนเรารักกันก็ต้องดูแลความรักระหว่างกันให้ดี อย่าปล่อยให้ความรักของคุณเป็นสนิม มันไม่ต่างกับการหยิบมีดที่เป็นสนิมมาแทง แผลที่เกิดมันก็จะกลายเป็นบาดทะยักนั่นเองครับ” ซึ่งเพลงประกอบภาพยนตร์ครั้งนี้ ยังได้มีการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ โดยได้นักแสดงนำอย่าง หม่ำ จ๊กม๊ก, แม็กกี้ อาภา และภูมิ รังษีธนานนท์ มาร่วมแจมจังหวะโจ๊ะๆ มันส์ๆ กวนๆ แบบฮายกทีมกันเลยทีเดียว
เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อโลกวิกฤต กับ 2 ฮีโร่ที่จะมากู้โลก
เปิ้ล นาคร เล่าถึงความน่าสนใจในภาพยนตร์ว่า “ประเด็นที่เป้ ผู้กำกับ เขาบอกมาคือ พี่หม่ำ กับ เปิ้ล จะต้องเจอมนุษย์ต่างดาวนะ เราก็เฮ้ย!เอางั้นเลยหรอ มันน่าสนุกตรงที่ถ้ามนุษย์ต่างดาวมาโลกเรา แล้วเราจะคุยกับเขายังไง แล้วเปิ้ลกับหม่ำจะทำยังไง จะคุยหรือจะยิงให้ตายไปเลยดีนะ น่าสนใจตรงนี้แหละครับ พอได้ดูแล้วก็จะกลับมานั่งคิดกันต่อ ขนาดโลกเรายังมีสิ่งมีชีวิตอยู่ได้เลย แล้วทำไมก้อนหินดวงอื่นๆที่ล้อมรอบดวงอาทิตย์ในจักวาลเรานี้จะไม่มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นบ้างล่ะ หรือเราอยู่กันไกลเกินไป ยานอวกาศเราไปไม่ถึงหรือเปล่า เออ!น่าคิดนะ เราต้องสู้กับมนุษย์ต่างดาวยังไง แล้วเราสู้กับโลกนี้ที่กำลังจะเกิดภัยพิบัติ ความสูญเสียมันเกิดจากใคร เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ต่างดาว หรือ มนุษย์ เราเอง จ๊อดกับอี๊ดจะกู้โลกได้หรือไม่ นั่นคือหน้าที่ของสูบคู่ที่จะต้องช่วยกันกู้โลก”
เป้ นฤบดี เล่าถึงความตั้งใจสร้างภาพยนตร์ สูบคู่กู้โลก หนังเบาสมอง ที่แอบแฝงด้วยสาระว่า “แค่คิดมันก็สนุกแล้วนะ หากโลกเราจะแตก แถมยังมีมนุษย์ต่างดาวบุกอีก ผมอยากทำหนังให้คนดูได้รับความแปลกใหม่อยู่ตลอดครับ สำหรับสูบคู่กู้โลก เราก็นำเรื่องคอมพิวเตอร์กราฟฟิก CG โดยทีมงานเดิมที่สร้างหุ่นยนต์สิบล้อ คือ เซอร์เรียล สตูดิโอ มาสร้างและเติมความสนุก ลูกเล่น อย่างมนุษย์ต่างดาว จานบินยูเอฟโอ บรรยากาศของหนัง ซึ่งมีอยู่หลายฉากครับ เป็นความจำเป็นอย่างมากที่เราต้องดึงมาสร้างให้คนดูตื่นเต้น เพราะสิ่งเหล่านี้เราไม่ได้พบเห็นในชีวิตประจำวัน และเรื่องของความตลก แน่นอนเราจะได้เห็นการประชันมุกระหว่าง 2 นักแสดง สุดยอดตลกเมืองไทย พี่หม่ำ จ๊กม๊ก กับ เปิ้ล นาคร ที่อีกคนมักจะนำพาเรื่องเดือดร้อนมาให้เสมอ ส่วนอีกคนทั้งที่รู้ว่าเดือดร้อนแต่ก็ยอมเดินตามมาด้วยตลอด เป็นครั้งแรกที่ 2 คนนี้จะมาประชันกัน เรื่องมุกตลกไม่มีใครยอมกันลงเลยครับ สูบคู่กู้โลก มนุษย์ต่างดาว UFO ครั้งแรกในเมืองไทย ติดตามความสนุกของมนุษย์ต่างดาวกับแก๊งมอไซค์ เมื่อมาเจอกันแล้วมันจะป่วนโลกกันขนาดไหน”
เกร็ดภาพยนตร์
ครั้งแรกของ “หม่ำ จ๊กม๊ก” กับ “เปิ้ล นาคร” ที่ต้องแสดงประกบ มนุษย์ต่างดาว
ณ โลเคชั่น “อู่สูบคู่” ทีมงานยึดใต้สะพานปากน้ำแขมหนู ใกล้ๆหาดเจ้าหลาว สร้างเป็นอู่ซ่อมมอไซค์ขึ้นมา และจุดโลเคชั่นนี้เอง ที่ชาวบ้านย่านนั้นบอกมาว่า มีคนเคยเห็นมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว
ครั้นเมื่อยังเป็นด.ช.เป้ นฤบดี อายุ 12 ขวบ เขาชวนเพื่อนๆมานอนเล่นสนามหญ้าหน้าบ้าน และได้เห็นปรากฎการณ์แปลกๆบนท้องฟ้า ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มสนใจ เข้าห้องสมุดค้นคว้าแต่เรื่อง มนุษย์ต่างดาว UFO สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง
ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน (นายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย) แหล่งข้อมูลสำคัญของทีมงาน เพราะเขาคือผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ เคยเห็นและเจอมนุษย์ต่างดาวมาแล้ว แถมยังมีเพื่อนเป็นมนุษย์ต่างดาวอีกด้วย
พีท ทองเจือ หนึ่งในนักแสดงของ สูบคู่กู้โลก ยังเล่าให้ผู้กำกับ และทีมงานฟังว่า เป็นคนที่มีความเชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวเช่นกัน และบ้านของเขายังตั้งอยู่ในห้วงมิติอันลึกลับ ที่วันดีคืนดีก็รู้สึกเหมือนมนุษย์ต่างดาวมาปรากฏตัว ด้วยลักษณะแสงบางอย่างที่มักจะเกิดขึ้นเหนือหลังคาบ้านของเขา
ในประเทศไทย กลุ่มเขากะลา จ.นครสวรรค์ คือ สถานที่สำคัญและเป็ศูนย์แห่งการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว และมีผู้เดินทางไปพิสูจน์อย่างมากมาย รวมถึงศิลปินดารา ซึ่งผู้ที่ไปชมมักจะถ่ายภาพออกมาและได้ภาพแปลกๆอยู่เสมอ
ประวัตินักแสดง
เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา (รับบท จ๊อด)
ด้วยความสามารถที่หลากหลายและหลายคนรู้จัก “หม่ำ จ๊กม๊ก” จากการเป็นนักแสดงตลก และพิธีกรรายการต่างๆตามช่องโทรทัศน์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และได้รับฉายาว่าเป็น “ผู้กำกับร้อยล้าน” สำหรับผลงานกำกับที่ผ่านมาได้แก่ภาพยนตร์เรื่อง แหยมยโสธร1-2, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 1-2, วงษ์คำเหลา, โป๊ะแตก, จั๊กกะแหล๋น และ ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน นอกจากนี้ยังมีผลงานทางการแสดงในภาพยนตร์อีกมากมาย ได้แก่ ภาพยนตร์ องค์บาก(2003), บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม(2004), เฉิ่ม(2005), ต้มยำกุ้ง(2005), แหยมยโสธร(2005) , บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ภาค 2(2007), วงษ์คำเหลา(2009),โป๊ะแตก(2010), จั๊กกะแหล๋น(2011), ใหม่กะหม่ำ โดนกะโดน(2011), วอนโดนเตะ(2011) เป็นต้น
นาคร ศิลาชัย (รับบท อี๊ด)
หลายคนยังจดจำภาพตลกฮากลิ้งของหนุ่มคนนี้จากการรับหน้าที่เป็นพิธีกรร่วมใน รายการ ยุทธการขยับเหงือก ก่อนที่จะเห็นผลงานมากมายของ เปิ้ล นาคร ทั้งผลงานแสดงละครโทรทัศน์, โฆษณา, มิวสิกวิดีโอ, ผลงานเขียน หรือแม้แต่เป็นนักกีฬาแข่งเจ็ตสกี คว้าแชมป์มาแล้วนับไม่ถ้วน อีกทั้งผลงานแสดงทางด้านภาพยนตร์ ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง ขอชื่อ สุธี สามสี่ชาติ (2532), ฉลุย โครงการ 2 (2533), เจนนี่ กลางวันครับ กลางคืนค่ะ (2539), โกยเถอะเกย์ (2550), สาระแน ห้าวเป้ง!! (2552), สาระแนสิบล้อ (2553), สาระแนเห็นผี (2553) และ รักเว้ยเฮ้ย (2555)
แม็กกี้ อาภา (รับบท เนย)
ขึ้นชื่อว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะเป็นลูกสาวคนสวยของ อรุณ ภาวิไล ที่มีฝีมือการแสดงได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการแสดงละครโทรทัศน์ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์, ละครเพลงหนึ่งในดวงใจ เดอะมิวสิกคัล แถมยังสวมบทบาทพิธีกรสาว CJ แม็กกี้ ของ Chic Channel 68 และเข้าสู่วงการภาพยนตร์ไทย ด้วยการประเดิมหนังเรื่องแรก คน-โลก-จิต(2555) ที่ต้องรับบทหนัก ทั้งเครียด แสนจะกดดัน แต่เธอก็สื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างดี ล่าสุด แม็กกี้ ตัดสินใจพลิกคาแรคเตอร์สวมบทนางเอกหน้าทะเล้น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเธอรับบทสาวแว๊นส์ ใจกล้า บ้าผู้ชายกับหนังคอมิดี้-ไซไฟ “สูบคู่กู้โลก”
ภูมิ รังษีธนานนท์ (รับบท ป๋อง)
ก่อนหน้านี้เคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์มาแล้ว เรื่อง มึงกู เพื่อนกันจนวันตาย (2555) แต่ถึงจะไม่ได้รับบทเด่นเท่าไหร่นัก แต่ด้วยความหล่อที่เด่นเข้าตาผู้กำกับ เป้ นฤบดี จึงเลือกภูมิ เป็นพระเอกใน สูบคู่กู้โลก และด้วยความสามารถทางการแสดง ทำให้ในเรื่องนี้ เขาจึงต้องรับบทบาทถึง 2 คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นับว่าเป็นการประเดิมบทพระเอกครั้งแรก ที่นอกจากจะต้องเตรียมความพร้อมทางด้านการแสดงแล้ว ยังต้องเตรียมตัวรับมุกตลกจากรุ่นพี่หม่ำ จ๊กม๊ก และ เปิ้ล นาคร มาอย่างดีที่สุดอีกด้วย
ประวัติผู้กำกับ
นฤบดี เวชกรรม (ผู้กำกับ-เขียนบท)
เป้ นฤบดี จบการศึกษาปริญญาตรี คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มต้นทำงานในวงการภาพยนตร์ด้วยการเป็นผู้กำกับศิลป์ให้กับ มานพ อุดมเดช จาก กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน และยังเคยได้รับรางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง จากภาพยนตร์เรื่อง ฝากฝันไว้เดี๋ยวจะเลี้ยวมาเอา และเริ่มมีผลงานโฆษณา งานละคร ก่อนที่จะเริ่มมาสร้างความสนุกสนาน มันส์แบบฮาๆให้กับรายการ สาระแน ในฐานะเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งรายการ และควบคุมการผลิต ด้วยความตั้งใจอยากเป็นผู้กำกับ และรักงานสายภาพยนตร์ จึงหันมาสร้างภาพยนตร์และกำกับเอง ซึ่งผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ สาระแน ห้าวเป้ง!!(2009) ที่กวาดรายได้ทะลุ 100 ล้านบาท และตามมาด้วยภาพยนตร์เรื่อง สาระแนสิบล้อ(2010) และ สาระแนเห็นผี(2010)
ปัจจุบัน เป้ นฤบดี เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท เดอะ พิพัลทรี จำกัด เดินหน้าลุยงานโปรดักชั่นเฮ้าส์อย่างเต็มสูบ โดยประเดิมผลงานชิ้นเอกด้วยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง สูบคู่กู้โลก แนวคอมิดี้-ไซไฟ ที่ดึงคนสนิท หม่ำ จ๊กม๊ก และ เปิ้ล นาคร มาประชันความสนุก ตลก ฮา แบบไร้ขีดจำกัด ในภาพยนตร์ครั้งนี้
กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์ (เขียนบท)
ผลงาน>> สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี
สมยศ ศรีดา (ผู้ออกแบบงานสร้าง, กำกับศิลป์)
ผลงาน>> สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี
ทศพร พูนนารถ (ผู้ออกแบบเทคนิคพิเศษทางภาพ)
ผลงาน>> สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี, อันธพาล, จันดารา