กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--Porsche Centre
สตุ้ดการ์ด. ปอร์เช่ส่งรถคอนเซ็ป พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) ออกมาให้ยลโฉมถึงนวัตกรรมยานยนต์ที่เหนือชั้น เต็มไปด้วยประสิทธภาพการขับเคลื่อน และมีรูปลักษณ์และดีไซน์ที่บ่งบอกให้เห็นถึง คำว่าอนาคตได้อย่างชัดเจน สปอร์ต ทัวริสโม่ (Sport Turismo) คันนี้ติดตั้งระบบเครื่องยนต์ไฮบริด (Hybrid) แบบ เจเนเรชั่นใหม่ มาพร้อมกับคอนเซ็ปของตัวรถแบบสปอร์ตอย่างเต็มพิกัด และแน่นอนนี่คือการรวมตัวกันไว้ซึ่งประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ที่ยอดเยี่ยมจากปอร์เช่ ควบคู่ไปกับการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวที่สุด
ตัวรถ: รูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความสปอร์ต และได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งาน
คอนเซ็ปของตัวรถพานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) คือการออกแบบให้รถมีความเป็นสปอร์ตแบบอย่างปอร์เช่ในโลกอนาคตให้ได้มากที่สุด ระยะยื่นจากล้อถึงปลายกันชนสั้นขึ้น กระโปรงหลังใหญ่ขึ้น ซึ่งเหมาะสมกับคำว่าสปอร์ตและใช้งานได้จริงอย่างลงตัว ภายในได้รับการตกแต่งให้มีความสะดวกสบายหากแต่หรูหรา ความกว้างของสปอร์ต ทัวริสโม่ คันนี้คือ 1,990 มิลลิเมตร สูง 1,401 มิลลิเมตร และมีความยาว 4,950 มิลลิเมตร ไฟเลี้ยวและไฟข้างได้รับการผสมผสานรวมกันอยู่ในไฟแบบ C-Shaped ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ C-Blades ซึ่งติดตั้งเข้ากับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ทางด้านหน้า ไฟหน้าเป็นแบบ four-point LED ได้รับการดีไซน์ใหม่ และสร้างความดุดันให้กับรูปลักษณ์ด้านหน้าของรถคอนเซ็ปคันนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ความสลวยและลื่นไหลของเส้นสายภายนอกรถไม่ได้รับการรบกวนจากการติดชิ้นส่วนใดๆ ลงไปกับตัวรถ ไม่มีรอยต่อของกระจกมองข้างอีกด้วย มีกล้องสองตัวติดตั้งอยู่ทางด้านช่องระบายอากาศทางด้านข้าง และรูปที่ถ่ายไว้จะถูกแสดงโชว์ในห้องโดยสาร ตัวรถทางด้านหลังได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณลักษณะที่โดดเด่นของปอร์เช่ไว้อย่างชัดเจน ระบบไฟท้ายเป็นแบบเทคโนโลยี LED และแผงไฟท้ายพร้อมด้วยโลโก้ “Porsche” มีรูปแบบสามมิติ ไฟเบรกได้รับการติดตั้งอยู่ระหว่างไฟท้าย LED แบบ Four-point สปอยเลอร์หลังออกมาในรูปแบบคาร์บอนเพื่อสร้างแรงกด Downforce ให้มากขึ้นอีกด้วย
นวัตกรรมสี Liguid Metal Blue ใหม่ล่าสุดได้ถูกนำมาใช้กับพื้นผิวของรถคอนเซ็ป เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับพื้นผิวของรถและเน้นเส้นสายดีไซน์ของรถให้โดดเด่นออกมาไม่เหมือนใคร ล้อมีรูปแบบดีไซน์แบบก้านคู่และมีรูปแบบสีล้อแบบสองสีหรือ bi-colour อีกด้วย คาลิปเปอร์เบรกได้รับการพ่นสี Acid Green เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเสริมด้วย hub locks บนล้อตามแบบฉบับมอเตอร์สปอร์ตจากปอร์เช่ทุกคัน อีกด้วย โลโก้ “e-hybrid” ได้รับการติดตั้งมากับทางด้านข้างของรถเพื่อเน้นให้เห็นถึงคอนเซ็ปการขับเคลื่อนที่เหนือชั้น ในขณะที่ด้านหลังได้รับการตกแต่งด้วยโลโก้ “Sport Turismo” ที่มีสี Acid green เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงลักษณะที่โดดเด่นของรถคันนี้ให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก แบตเตอรี่ได้รับการติดตั้งและจัดเก็บอยู่ที่พื้นช่องเก็บสัมภาระ ซึ่งทำมาจาก electrochromatic glass อีกด้วย
“e-hybrid” มาจากเทคโนโลยี plug-in hybrid จากปอร์เช่
เทคโนโลยีการขับเคลื่อนของพานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) คันนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นของการพัฒนาในเรื่องของเครื่องยนต์แบบ plug-in hybrid ที่บ่งบอกผ่านโลโก้คำว่า “e-hybrid” ที่ติดตั้งอยู่ทางด้าน ปีกหน้า รถมีความสามารถที่จะชาร์จพลังงานผ่าน electrical power grid ที่มีส่วนประกอบที่มีประสิทธิภาพสูง แรงม้าของรถคอนเซ็ปคันนี้สูงสุดถึง 416 แรงม้า (306 กิโลวัตต์) และหากวิ่งด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวสามารถวิ่งได้สูงสุดด้วยความเร็วสูงสุดถึง 130 กม./ชม. เลยทีเดียว และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 30 กม. ซึ่งถือได้ว่าสปอร์ต ทัวริสโม่ คันนี้แสดงให้เห็นแล้วถึงศักยภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม และอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นน้อยกว่า 3.5 ลิตรต่อ 100 กม. ในขณะที่อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นต่ำกว่า 82 กรัม/ชม.
ระบบขับเคลื่อนของพานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) คันนี้ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาขั้นสูงของเครื่องยนต์ Parallel full hybrid จากปอร์เช่ที่ได้นำมาใช้ในรถพานาเมร่า เอส ไฮบริด (Panamera S Hybrid) และคาเยนน์ เอส ไฮบริด (Cayenne S Hybrid) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ล่าสุดสามารถผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) ซึ่งถือได้ว่ามากกว่าระบบขับเคลื่อนไฮบริดของปอร์เช่ที่อยู่ในปัจจุบันนี้ถึงสองเท่าตัวเลยเดียว ในขณะที่เครื่องยนต์ 3 ลิตร V6 สามารถสร้างพละกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 245 กิโลวัตต์ (333 แรงม้า) อัตราการเร่งของเครื่องยนต์จาก 0-100 กม./ชม. สามารถทำได้น้อยกว่า 6 วินาที
พาวเวอร์แพค: แบตเตอรี่ Lithium-ion ที่มาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จจากภายนอก
พาวเวอร์แพค ไฟฟ้าของสปอร์ต ทัวริสโม่ แบบ e-hybrid คันนี้ประกอบไปด้วยแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า nickel-hydride battery ที่ใช้ในการผลิตอยู่ในปัจจุบันนี้หลายเท่าตัว ถึงแม้จะมีขนาดที่เท่ากันก็ตาม ความจุของพลังงานสูงถึง 9.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สร้างอัตราการเร่งได้เร็วขึ้น สามารถวิ่งโดยไฟฟ้าได้นานขึ้น และวิ่งได้เมื่ออยู่ในความเร็วที่มากขึ้นโดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์สันดาปเลยทีเดียว
e-Hybrid ได้รับการตั้งค่าให้ทำงานก่อนด้วยการใช้การขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่หากผู้ขับขี่ต้องการปิดการทำงานสามารถทำได้เพียงแค่กดปุ่มพิเศษบนพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านี้เมื่อรถกำลังทำงานด้วย hybrid module อยู่นั้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมด e-charge ได้โดยการกดปุ่มบนพวงมาลัยเพื่อชาร์จแบตเตอรี่พลังงานสูงได้ และจะเป็นการใช้งานที่เหมาะสมอย่างยิ่งเมื่อต้องวิ่งอยู่บนมอเตอร์เวย์และเข้าสู่ถนนในเมืองโดยการวิ่งโดยใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวด้วยการงดการปล่อยมลพิษอีกด้วย
ด้วยความที่เครื่องยนต์ออกมาในรูปแบบ plug-in hybrid แล้วนั้น แบตเตอรี่แบบ fluid-cooled lithium-ion battery จะไม่ชาร์จเพียงแค่ขณะขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว หากแต่สามารถชาร์จจากภายนอกได้ภายในระยะเวลา 2.5 ชม. (ขึ้นอยู่กับ power supply ที่แตกต่างกัน) ผ่าน charging interface ของรถได้อีกด้วย ระบบ plug-in ของรถคอนเซ็ปคันนี้สามารถชาร์จพลังงานผ่าน universal charger (AC) ที่ติดตั้งอยู่ที่กำแพงของโรงรถได้ด้วยเช่นกัน
ออกแบบใหม่หมดหากแต่เต็มไปด้วยความคุ้นเคย หน้าปัดแบบระบบสัมผัส
ภายในห้องโดยสารของสปอร์ต ทัวริสโม่ คันนี้ให้สัมผัสและกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตอย่างแท้จริง แทนที่หน้าปัดจะออกมาในรูปแบบคลาสสิคนั้นรถคันนี้กลับมีหน้าจอแสดงผลแบบสี TFT ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่ทางด้านหน้าคนขับ และจะแสดงผลข้อมูลของรถที่ต้องการตั้งแต่กิโลเมตรยันไปถึงแผนที่การค้นหาเส้นทางกันเลยทีเดียว หน้าจอมีสองจอโดยจะอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวา ซึ่งจะแสดงผลรูปจากกล้องที่ทำหน้าที่แทน “exterior mirrors” หรือกระจกมองข้างอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ยังมีหน้าจอเพิ่มเติมอีก 2 จอ ซึ่งจะแสดงผลข้อมูลของการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ไฮบริด อาทิเช่น แสดงผลการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวรวมไปถึงฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ เป็นต้น
การเริ่มต้นทำงานของระบบ e-hybrid นั้นง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มบนหน้าจอระบบสัมผัส ที่คอนโซลกลางยังมีหน้าจอระบบสัมผัสใหม่ติดตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งหน้าจอนี้จะทำการควบคุมระบบอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมระบบ e-hybrid และฟังก์ชั่นการทำงานอื่นๆ ผู้ขับขี่สามารถเลือกระบบขับเคลื่อนไฮบริดรูปแบบต่างๆ ผ่านกุญแจอัจฉริยะ (smart keys) ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกการขับขี่แบบสนุกสนานที่สุด หรือเลือกแบบมีประสิทธิภาพหรือศักยภาพมากที่สุดได้อีกด้วย ระบบหน้าจอแบบสัมผัส multi-touch functionality นี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงการขับขี่ของรถ และการควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ อาทิเช่น การควบคุมอุณหภูมิของรถ การปรับระดับเบาะ การปรับระดับไฟ กล้องถอยหลัง และฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ของระบบ Porsche Communication Management (PCM) อีกด้วย
การสื่อสารที่กว้างมากขึ้นและควบคุมผ่าน smart phone app
พานาเมร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo) มีอุปกรณ์เสริมเกี่ยวกับการสื่อสารใหม่ๆ มากมาย ผู้ขับขี่สามารถใช้ mobile online services ที่จะเข้าสู่ข้อมูลและควบคุมข้อมูลต่างๆ ของรถที่สำคัญๆ ผ่าน smart phone app ได้อีกด้วย การควบคุมการชาร์จด้วยมือถือสามารถทำได้ โดยระบบนี้จะแสดงผลให้ผู้ใช้รู้ว่ารถได้ทำการชาร์จพลังงานไฟฟ้าไปเท่าไหร่แล้ว และแสดงผลว่าอีกนานเท่าไหร่ที่กระบวนการชาร์จจะสมบูรณ์อีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ระบบต่างๆ ภายในห้องโดยสารของรถยังสารถเรียกใช้งานผ่านมือถือได้ อาทิเช่น การเปิดการทำงานของระบบปรับอากาศ เป็นต้น
สามารถค้นหาหรือสอบถามเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้จาก บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย รถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th
ข้อมูลเฉพาะทางเทคนิคของรถคอนเซ็ป พานาเม่ร่า สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera Sport Turismo)
ตัวรถ: สปอร์ต ทัวริสโม่ 4 ที่นั่งและมาพร้อมกับกระโปรงหลัง
ระบบขับเคลื่อน: เครื่องยนต์แบบ Parallel full hybrid; 3 ลิตร V6, ชาร์จพลังงานด้วย; hybrid module ที่มาพร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า และการปล่อยคลัทซ์; ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
ขุมพลังเครื่องยนต์: 245 กิโลวัตต์ (333 แรงม้า) เครื่องยนต์แบบ V6 ประมาณ 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) สำหรับ hybrid module 306 กิโลวัตต์ (416 แรงม้า) (รวมขุมพลังทั้งสองรูปแบบไว้ด้วยกัน)
ช่วงล่าง: ช่วงล่างทางด้านหน้าแบบ Double wishbone; ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electro-mechanical power steering); ช่วงล่างทางด้านหลังแบบ multi-link
ขนาด: ความยาว 4,950 มิลลิเมตร
ความกว้าง 1,990 มิลลิเมตร
ความสูง 1,401 มิลลิเมตร
แหล่งจ่ายพลังงาน: แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion มาพร้อมกับความจุขนาด 9.4 กิโลวัต์ต่อชั่วโมง อีกทั้งยังมีระบบชาร์จแบบ plug-in ที่มาพร้อมกับ electrical power grid
ประสิทธิภาพ: ความเร็วสูงสุด สำหรับไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ประมาณ 130 กม./ชม.
อัตราเร่ง: 0 — 100 กม./ชม. < 6.0 วินาที
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (NEDC): รวมทั้งสองรูปแบบ < 3.5 ลิตร/100 กม.
อัตราการปล่อยก๊าซ CO2 : รวมทั้งสองรูปแบบ < 82 กรัม/กม.
Range (NEDC): โหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว: > 30 กม.
ระยะเวลาการชาร์จ ไม่เกิน 2.5 ชม.
Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
กมลทิพย์ ศักดิ์สมานชัย
Phone: +66 2 522 6655 ext. 448
E-mail: kamonthip@porsche.co.th