กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
สมิติเวช สุขุมวิท - ผงะ! พบหญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านมอายุน้อยลงไม่ถึง 30 ปี ป่วยถึงตาย ส่วนกลุ่มอายุ 20-30 ปี พบก้อนซีสต์มากขึ้นและอาจพัฒนาการเป็นเซลล์มะเร็งได้ในอนาคต รพ.สมิติเวช เตือนเมื่อหน้าอกโตเต็มวัย ควรรีบมาตรวจที่สถาบันการแพทย์เพื่อความแม่นยำร่วมกับการตรวจคลำด้วยตัวเอง ระบุเพิ่มกลุ่มที่มีประจำเดือนเร็วและหมดช้า หรือกลุ่มที่ไม่ผ่านการตั้งครรภ์ ไม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมถึงกลุ่มที่ต้องรับฮอร์โมนวัยทอง เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูง
เมื่อ "มะเร็งเต้านม" กลายเป็นภัยร้ายอันดับหนึ่งคุกคามผู้หญิงทั่วโลกแทนที่มะเร็งปากมดลูก แม้แต่ผู้หญิงไทยเองก็เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่อายุของผู้เป็นโรคกลับน้อยลง บางรายตรวจพบในระยะร้ายแรงด้วยอายุเพียง 27 ปี ส่งผลให้กิจกรรมรณรงค์ป้องกันมะเร็งเต้านม หรือ Pink Ribbon ประจำเดือนตุลาคมของทุกปีถูกจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ที่โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ที่คิดแคมเปญ "October Go Pink" เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักและพร้อมใจป้องกันโรคร้ายเป็นปีที่ 3
โดยในปีนี้ นอกจากการให้ความรู้เรื่องการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองสำหรับผู้หญิง พร้อมคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ประสบกับโรคมะเร็งเต้านมจาก นายแพทย์วิชัย วาสนาสิริ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมแล้ว ทางโรงพยาบาลยังมีกิจกรรมเพื่อสังคม ทั้งการรับบริจาคเส้นผมเพื่อผลิตเป็นวิกผม ก่อนนำมอบให้กับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ การถักหมวกจากเส้นไหมจีนธรรมชาติไม่ก่อให้เกิดเอฟเฟ็กต์ เพื่อมอบให้แก่ผู้ป่วยที่เกิดผลข้างเคียงหลังจากรักษาด้วยเคมีบำบัดที่เริ่มเป็นปีแรก การเคาน์ดาวน์ตัดผมสุดรักสุดหวงเพื่อร่วมบริจาคจากเซเลบริตี้ชื่อดัง เกรซ มหาดำรงค์กุล และการเดินแบบผมจากเหล่ารองนางสาวไทยและดีเจจาก เมท 107 เรดิโอ ซึ่งทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจาก มาร์ค ธาวิน : แฮร์ คัลเลอร์ แอนด์ เทคนิคเชียล เซ็นเตอร์, นิวลาวัณ แฮร์เซ็นเตอร์, Pinn Shop และ เมท เรดิโอ (MET 107)
แพทย์หญิงสมสิริ สกลสัตยาทร กรรมการผู้จัดการและเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานเปิดงานเผยว่า กว่า 2 ปี ที่มะเร็งเต้านมกลายเป็นโรคร้ายแรงอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิงแทนที่มะเร็งปากมดลูก น่าตกใจว่าผู้หญิงไทยที่ป่วยเป็นโรคนี้แล้วเสียชีวิตมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิม 40 ปี ถึงตรวจพบ แต่ปัจจุบันนี้ ไม่ถึง 30 ปีก็ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านม และยังพบด้วยว่าผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปมีซีสต์ที่เต้านมมาก ในเบื้องต้นอาจเป็นแค่ก้อนแคลเซียมธรรมดา แต่ในระยะยาวมีสิทธิ์พัฒนาการเป็นมะเร็งได้จากปัจจัยเสี่ยงในชีวิตประจำวัน
"ขอแนะนำให้ผู้หญิงที่มีเต้านมโตเต็มวัย หรือมีอายุประมาณ 20 ปีขึ้นไป เข้ารับการตรวจหามะเร็งเต้านมกับสถาบันการแพทย์ควบคู่ไปกับการตรวจด้วยตัวเอง เพราะบางครั้งการตรวจหาด้วยตัวเองอาจไม่แม่นยำพอ ซึ่งที่สมิติเวช สุขุมวิท เรามีเครื่องแมมโมแกรมตรวจมะเร็งเต้านมแบบ 3 มิติ หรือ Digital Breast Tomosynthesis ที่มีความละเอียดสูงยิ่งขึ้นกว่าเดิม และได้รับการรับรองทางการแพทย์จากสหรัฐอเมริกา" กรรมการผู้จัดการ บ.สมิติเวชกล่าว
พญ.สมสิริ อธิบายต่อด้วยว่า การตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมแบบ 3 มิติ เป็นการตรวจที่มีความสามารถสูงในการหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ โดยเครื่องจะรายงานภาพแบบซอยละเอียดทุก 1 เซ็นติเมตรไปในแนวเดียวกัน จนเห็นภาพแยกตามตำแหน่งจริงไม่ซ้อนกัน ต่างจากการตรวจแมมโมแกรมแบบธรรมดาที่ภาพมักซ้อนกัน ทำให้การรักษาได้ผลดีผู้ป่วยมีโอกาสอยู่รอดมากขึ้นและนานขึ้น
ด้าน นพ.วิชัย วาสนสิริ กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมพร้อมแนะนำวิธีการหลีกเลี่ยงการเกิดโรคไว้ดังนี้ว่า สาเหตุการเกิดมะเร็งเต้านมที่แท้จริงทางการแพทย์ยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เราจึงมาดูในเรื่องปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงแทน อย่างไรก็ดี เมื่อวิเคราะห์ตามหลักกายวิภาคแล้ว มะเร็งเต้านมมักจะเกิดในสองส่วนด้วยกันคือ ท่อน้ำนมและกระเปาะสร้างน้ำนมที่มีเซลล์เยื่อบุอยู่ข้างใน หากเซลล์ที่ว่ามีการพัฒนาตัวเองแต่ไม่ออกนอกผนังท่อหรือผนังกระเปาะ เราเรียกว่าระยะศูนย์ แต่เมื่อไรที่ลุกลามออกข้างนอกเราจึงจะเรียกมะเร็ง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมจากสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวต่อว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้หญิงเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมีทั้งที่เปลี่ยนแปลงได้และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ได้แก่ 1.อายุมาก 2.กรรมพันธุ์ 3.ผู้ที่มีประจำเดือนมาเร็วก่อนอายุ 12 ปี และผู้มีประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 55 ปี และ 4.กลุ่มที่ต้องให้ฮอร์โมนวัยทอง โดย 2 ประการหลังเป็นเพราะผู้หญิงสัมผัสกับฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินควร
"ส่วนปัจจัยที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ก็คือ 1.การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะช่วยให้เต้านมผลิตฮอร์โมนโปรแลคตินมาแทนที่ฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน 2.มีบุตรคนแรกก่อนอายุ 30 ปี เพราะระหว่างตั้งครรภ์ร่างกายผู้หญิงไม่ต้องผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน 3.ไลฟ์สไตล์ที่ดี กินอาหารที่มีประโยชน์ 4.งดดื่มแอลกอฮอล์ และ 5.ฟิตแอนด์เฟิร์มด้วยการออกกำลังกาย เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนมาจากไขมัน" นพ.วิชัยให้ความรู้ทิ้งทาย
ขณะที่ช่างผมไฮโซฝีมือดี มาร์ค ธาวิน ฝากถึงผู้ที่ต้องการบริจาคเส้นผมเพื่อช่วยผู้ป่วยผมร่วงหลังจากได้รับคีโมว่า ความยาวที่เหมาะแก่การบริจาคผมต้องยาวตั้งแต่ 7-8 นิ้วขึ้นไป และต้องเป็นผมบริสุทธิ์ ไม่ผ่านการทำสี ดัด หรือแม้แต่ทำทรีตเม้นท์ภายใน 6 เดือนก่อนการบริจาค เพราะอาจทำให้เกิดเอฟเฟ็กต์ต่อผู้ป่วยได้ นอกจากนี้ ยังต้องเป็นเส้นผมที่มีสุขภาพดี ไม่แห้งกระด้างแตกปลาย เนื่องจากเวลานำไปทำวิกแล้วจะไม่มีน้ำมันเคลือบผมตามธรรมชาติไปหล่อเลี้ยง ถ้าเป็นสภาพผมแย่จะทำให้เหมือนวิกปลอมและมีอายุการใช้งานไม่นาน
"แม้ว่าโครงการ October Go Pink จะจบลงช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่ทางร้าน มาร์ค ธาวิน : แฮร์ คัลเลอร์ แอนด์ เทคนิคเชียล เซ็นเตอร์ ทุกสาขา ยังรับบริจาคเส้นผมตลอดเพื่อไว้ใช้ในปีหน้า เพราะทางนิวลาวัณบอกว่าผมบริจาค 4 คน จัดทำวิกผมแท้ได้เพียง 1 อัน ซึ่งผู้ที่ต้องการบริจาคสามารถเดินเข้าร้านทุกสาขาและแจ้งความประสงค์ได้ทันทีและไม่เสียค่าบริการตัดครับ" มาร์ค ระบุ
ผ่านไปแล้วครึ่งทางสำหรับโครงการ October Go Pink ซึ่งได้หมวกไหมแท้พร้อมบริจาค 200 ใบ จากการตั้งเป้าที่ 280 ใบ ส่วนวิกผมนั้นได้ประมาณ 100 อัน จากที่ตั้งเป้าไว้ 200 อัน งานนี้สองรองนางสาวไทยอันดับ1 อย่าง ปุณณิศา ศิริสังข์ รองอันดับ 2 ณัฐอร โสภณ ได้กล่าวเชิญชวนให้ผู้มีจิตสาธารณะ ร่วมบริจาคผมหรือช่วยถักหมวกไหมแท้เพื่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมากขึ้น ซึ่งสามารถนำมาบริจาคได้ที่ รพ.สมิติเวช จนถึงวันที่ 31 ต.ค. 2555
การร่วมมือเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมในวันนี้ จะเป็นพลังครั้งสำคัญสำหรับผู้ป่วยในการต่อสู้โรคร้าย และคุณผู้หญิงจะได้ตระหนักถึงการดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งเต้านม เพื่อการอยู่อย่างเป็นสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป.