กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนี้ (๑๗ ต.ค. ๒๕๕๕) เวลา ๐๙.๐๐ น.ที่ห้องสัมมนา ชั้น ๕ อาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอก วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) พร้อมด้วย รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว พลตำรวจตรี อดิศร์ งามจิตสุขศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และพลตำรวจตรี รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง นายกสมาคมมัคคุเทศก์แห่งประเทศไทย นายกสมาคมโรงแรมไทย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน และข้าราชการตำรวจ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวระดับสารวัตรขึ้นไป จำนวน ๑๐๖ คน เข้าร่วมสัมมนาเตรียมความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวสำหรับประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ซึ่งการสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับตำรวจท่องเที่ยวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และยังเป็นการรองรับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
พลตำรวจเอก วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ ๑๐) ซึ่งรับผิดชอบงานด้านการท่องเที่ยวกล่าวว่า การสัมมนามีเป้าหมายต้องการสนองนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ประเทศสามารถมีรายได้จากการท่องเที่ยวได้ถึง ๒ ล้านล้านบาท และยังเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ถึง ๒๘ ล้านคน ภายในปี พ.ศ.๒๕๕๘ นอกเหนือจากการเตรียมตัวด้านภาษาต่าง ๆ ในอาเซียนของตำรวจท่องเที่ยวแล้ว การสัมมนาดังกล่าวยังเป็นการกำหนดแนวทางและการวางแผนในการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจท่องเที่ยวกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานภาคเอกชนทั้งผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ผู้ประกอบการโรงแรม สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ ไทย-จีน ซึ่งจะเน้นการการป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ได้แก่ การหลอกลวงให้ซื้อสินค้าเกินราคา ไกด์เถื่อน ทัวร์ ๓๐ ทัวร์ศูนย์เหรียญ การถูกลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือล่วงละเมิดทางเพศ และอาชญากรที่อาจจะแอบแฝงมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว เช่น การลักลอบขนยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค์ปลอมหนังสือเดินทาง อีกทั้งตำรวจท่องเที่ยวยังสามารถตรวจสอบมัคคุเทศ กรุ๊ปทัวร์ต่าง ๆ ที่เดินทางมาในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นป้องกันการถูกหลอกของนักท่องเที่ยว ป้องกันการเกิดอาชญากรรมข้ามชาติที่แอบแฝงในลักษณะของกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศมาสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตำรวจท่องเที่ยวจึงต้องเร่งเตรียมความพร้อมและรับมือกับปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ โดยการสัมมนาดังกล่าว ยังจะได้มีการหารือระหว่างตำรวจท่องเที่ยวกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อรับทราบถึงปัญหาอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะสถานประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ในเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอก วุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จัดการสัมมนาร่วมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน โดยได้จัดให้ตำรวจท่องเที่ยวระดับสารวัตรขึ้นไปเข้าร่วมสัมมนาดังกล่าว เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่าง ๆ และสั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ไปจัดทำแผนการปฏิบัติรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เพื่อห้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและเกิดความประทับใจในการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีแก่ประเทศไทยต่อไป.
ติดต่อ:
กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
โทร.๐ ๒๑๓๔ ๐๕๒๙ โทรสาร.๐ ๒๑๓๔ ๐๕๓๐
พ.ต.ท.สถาพร สงวนสุข สารวัตรงานประชาสัมพันธ์ ๐๘๑ ๔๔๖ ๖๖๔๒