กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในฐานะประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยถึงการประชุมครั้งที่ 7/2555 ว่า คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้เร่งบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในทุกระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Windows) ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ติดต่อกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่ยังไม่ได้เข้ามาร่วมในระบบ National Single Window เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงผลักดันการเชื่อมโยงข้อมูล ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศให้มีความมั่นคงปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือแก่ผู้ใช้และผู้ให้บริการให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับ ASEAN Single Window ภายในปี 2015 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Smart Thailand อย่างสมบูรณ์
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ยังได้เร่งผลักดันธุรกิจการให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่มาขอใบอนุญาตกับคณะกรรมการฯ ซึ่งมีผู้ให้บริการที่ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว จำนวน 76 ราย รวมใบอนุญาต 115 ฉบับ และการประชุมฯ ครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาออกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจบริการประเภทบัญชี (ค) การให้บริการรับชำระเงินแทนให้แก่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
ในการประชุมฯ ดังกล่าว คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ยังได้มีการพิจารณาแนวทางการทำลายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วย โดยที่ผ่านมาหน่วยงานหรือองค์กรมีการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญไว้ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ใช้วิธีการทำลายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ถูกต้อง เพราะสามารถใช้วิธีการทางเทคนิคนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาประกอบเป็นข้อมูลเดิมได้อย่างง่ายดายและค่อนข้างสมบูรณ์ ดังนั้น คณะกรรมการธุรกรรมฯ จึงได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการความมั่นคงปลอดภัยไปพิจารณาจัดทำแนวทางการทำลายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในสื่อบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกวิธี รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และสร้างความตระหนักให้กับหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการทำลายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกต้องต่อไป
นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังได้ส่งประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยประกาศฉบับนี้ได้เพิ่มความในส่วนที่ 7 เรื่อง การให้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัตรเดบิตที่ออกและมีการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงิน และลดต้นทุนในการให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการเข้าไปกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยอีกด้วย