กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--IR network
จับตา“ณุศาศิริ” ขยับตัวครั้งสำคัญผุดโครงการขนาดใหญ่ที่พัทยา เนรมิตให้เป็นสวรรค์บนดินแบบครบวงจรทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม สวนน้ำ สวนสนุก และพลาซ่าในบริเวณเดียวกัน มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท “วิษณุ เทพเจริญ” มั่นใจเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวที่สุด จัดเต็มให้แบบไม่มีขาดตกบกพร่องในทุกฟังก์ชั่นของการใช้ชีวิต โดยเฉพาะแผนเปิดโครงการ The Grand Kingdom จะเป็นจุดแข็งช่วยเสริมให้โครงการของ NUSA มีความแตกต่างและโดดเด่นยิ่งกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันรายอื่น ที่สำคัญยังเป็นเครื่องมือปั๊มรายได้ตัวใหม่ให้กับ NUSA ในอนาคต คาดเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3/2558 เผยจากการประเมินเบื้องต้นจะให้ผลตอบแทนจากลงทุนที่ดี ดังนั้นผู้ถือหุ้น NUSA จากนี้ทำหน้าที่นั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ชื่นใจ
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่า กลุ่มณุศาศิริเตรียมซื้อที่ดินเนื้อที่รวมประมาณ 300 ไร่ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาเป็นโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม ขณะเดียวกันจะแบ่งส่วนหนึ่งประมาณร้อยกว่าไร่เพื่อทำโครงการสวนน้ำและพลาซ่า ชื่อโครงการ The Grand Kingdom ซึ่งจะมีรูปแบบของโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่งขัน โดยในโครงการจะมีพื้นที่พลาซ่าเพื่อให้เช่า แก่ร้านค้าปลีกสำหรับจำหน่ายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการในโครงการ ส่วนรายได้หลักของกิจการจะมาจากการจำหน่ายบัตรเพื่อใช้บริการสวนน้ำ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงรายได้ค่าเช่าพื้นที่ในส่วนพลาซ่า
โครงการของ NUSA และบริษัทย่อยในครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้เตรียมความพร้อมในด้านเงินลงทุนเอาไว้เรียบร้อย และเตรียมที่จะเปิดโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งในส่วนของบ้านและคอนโดมิเนียมได้ในช่วงปลายปี 2555 นี้ ส่วนโครงการสวนน้ำและพลาซ่า ภายใต้ชื่อ The Grand Kingdom คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 2558
เขากล่าวต่อว่าโครงการ The Grand Kingdom เป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่กลุ่ม NUSA ซึ่งจากข้อมูลประมาณการเบื้องต้นของฝ่ายจัดการที่ได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ พบว่าเป็นโครงการที่มีผลตอบแทนในการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ในเขตพื้นที่พัทยาใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการแหล่งท่องเที่ยวเพื่อรองรับอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยว และที่ตั้งของโครงการอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ไม่ไกลแหล่งชุมชนและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพัทยา รวมถึงทำเลที่ตั้งติดกับโครงการคอนโดมิเนียมของ NUSA ที่คาดว่าจะเปิดการขายปลายปี 2555 ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างภาพลักษณ์ทางการตลาดของโครงการ และทำให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งขันอย่างชัดเจน เนื่องจากภาพรวมของโครงการจะเป็นโครงการขนาดใหญ่มีรูปแบบการให้บริการและความบันเทิงรวมถึงความสะดวกสบายที่ครบวงจรมากกว่าคู่แข่งขันและยังมีรูปแบบที่แปลกใหม่ในอุตสาหกรรมจึงเชื่อว่าโครงการ The Grand Kingdom จะทำให้บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันได้
“ทุกครั้งที่ “ณุศาศิริ” ขยับมันจะต้องไม่ธรรมดา ครั้งนี้ก็เช่นกันเราได้ศึกษามาในระดับหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจที่จะผุดโครงการขนาดใหญ่ที่นี่ เป็นโครงการที่ครบวงจรสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตอบโจทย์ได้อย่างลงตัวในทุกฟังก์ชั่นของชีวิต โครงการ The Grand Kingdom คือส่วนเพิ่มขึ้นมาแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนั่นคืออีกจุดที่สำคัญของ NUSA เนื่องจากเป็นการแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มจากเดิมที่ทำเฉพาะการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่จากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่าการทำสวนน้ำก็เป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน ดังนั้นโครงการ The Grand Kingdom จะเป็นเครื่องมือสำคัญตัวใหม่ในการสร้างรายได้และผลประกอบการที่งดงามให้กับ NUSA ได้ในอนาคตด้วย”
ทั้งนี้ โครงการ The Grand Kingdom จะอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทย่อยของ NUSA ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเรียบร้อยแล้ว จะใช้เวลาในการออกแบบและว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ความเหมาะสมของขนาดรายการและการลงทุน คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2556 และโครงการดังกล่าวจะสามารถเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จะจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจสวนน้ำและพลาซ่าเป็นผู้บริหารงาน และบริษัทย่อยจะเป็นผู้บริหารและเจ้าของโครงการ
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศด้านธุรกิจสวนน้ำ สวนสนุก พลาซ่า มาศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมด้านขนาดโครงการและการลงทุน รวมถึงการบริหารจัดการในธุรกิจดังกล่าวก่อนการดำเนินโครงการ