กรุงเทพฯ--18 ต.ค.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
เอสเอสไอ ยูเคประสบความสำเร็จ ส่งออกเหล็กแท่งแบน 1 ล้านตันผ่าน ท่าเรือ Teesport หนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษส่งผลเอสเอสไอมีวัตถุดิบป้อนต่อเนื่อง รองรับตลาดโตตั้งแต่ไตรมาส 3/2555 สะท้อนผลประโยชน์ร่วมทางธุรกิจจากการเชื่อมโยงเอสเอสไอ บางสะพาน และ ทีไซด์ที่เกิดขึ้นแล้ว
เหล็กแท่งแบนที่ผลิตได้โดยโรงงานเอสเอสไอ ทีไซด์ ประเทศอังกฤษตันที่ 1 ล้านถูกลำเลียงขึ้นเรือ Yasa Eagle เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา เรือลำนี้บรรทุกเหล็กแท่งแบนทั้งหมด 64,000 ตัน และได้เริ่มออกเดินทางจากท่าเรือ Teesport เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม คาดว่าจะมาถึงประเทศไทยวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 ทั้งนี้การขนส่งดังกล่าวนอกจากแสดงถึงศักยภาพในการรับส่งสินค้าของท่าเรือ Teesport หลังจากที่โรงถลุงเหล็กแห่งดังกล่าวหยุดทำการเมื่อปี 2553 แล้วยังนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญอีกครั้งหลังจากการเข้าลงทุนในโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอ ทีไซด์ของเอสเอสไอ
นายเดวิด โรบินสัน ผู้บริหาร พีดีพอร์ต กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่งกับความสำเร็จสำคัญในครั้งนี้ เพราะการส่งออกเหล็กแท่งแบนจำนวนมากภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือนนับจากการเริ่มต้นการผลิตอีกครั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับการร่วมมือร่วมใจระหว่าง พีดี พอร์ต และเอสเอสไอ ยูเค ด้วยความร่วมมือนี้ผมมั่นใจว่าเราจะสามารถผลิตผลงานที่มีคุณภาพชั้นเยี่ยมออกสู่ตลาด”
“สิ่งที่สำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้คือความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้เสียทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงรัฐบาลอังกฤษที่ได้ให้ความร่วมมือเสมอมาที่ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงระยะยาวให้แก่เอสเอสไอ ยูเค”
นายฟิล ดรายเดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ยูเค จำกัด (เอสเอสไอ ยูเค) เปิดเผยว่า “ปี 2555 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้โรงถลุงเหล็กเอสเอสไอ ทีไซด์กลับมาผลิตได้ ผมขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ได้รับ และมีความยินดีมากที่โรงถลุงเหล็กเอสเอสไอ ทีไซด์ประสบความสำเร็จ ซึ่งสะท้อนมิตรภาพในการทำงานและการช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่าง พีดี พอร์ตและเอสเอสไอ ยูเค”
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ กล่าวว่า “เหล็กแท่งแบน 1 ล้านตัน มูลค่าประมาณ 550 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากจะนำรายได้จากการส่งออกสู่ประเทศอังกฤษแล้ว ยังสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของเอสเอสไอที่ประเทศไทย เนื่องจากจะมีวัตถุดิบคือเหล็กแท่งแบนป้อนโรงงานมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2555 เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้าง นอกจากนี้ได้สะท้อนให้เห็น ผลประโยชน์ร่วมทางธุรกิจจากการเชื่อมโยงระหว่างโรงงานเอสเอสไอ บางสะพาน และ โรงงานเอสเอสไอ ทีไซด์ ที่เกิดขึ้นอีกด้วย ”
ทั้งนี้การกลับมาของโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอ ทีไซด์เริ่มดำเนินการผลิตจนได้เหล็กแท่งแบนแท่งแรกและขนส่งเหล็กแท่งดังกล่าวผ่านท่าเรือ Teesport ในเดือนถัดมา การลงทุนนี้นับเป็นสัญญาณที่ดีในการผลักดันและกระตุ้นอุตสาหกรรม รวมถึงแสดงความพร้อมของเขตทีไซด์สำหรับการลงทุน การพัฒนา และผลิตสินค้าสู่ตลาดโลก