กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ชี้แจงว่านายเอกยุทธมาให้ถ้อยคำตามนัด แต่ข้อมูลที่ยื่นเรื่องปั่นหุ้นไม่มีหลักฐานสำคัญที่ระบุชี้ชัดถึงพฤติกรรมการปั่นหุ้น และไม่มีชื่อหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมตามที่นายเอกยุทธ กล่าวอ้างแต่ต้น แต่เป็นข้อสันนิษฐานจากความคิดเห็นของนายเอกยุทธ เอง
ตามที่ปรากฏในสื่อต่าง ๆ ว่านายเอกยุทธ อัญชันบุตร ได้กล่าวหาว่ามีนักการเมือง 2 คนปั่นหุ้น SCIB-C1 โดยระบุอักษรย่อ และยังกล่าวหาว่ามีการปั่นหุ้นอื่น ๆ อีกด้วย ก.ล.ต. จึงได้ใช้อำนาจตามมาตรา 264 (7) สั่งให้นายเอกยุทธ ส่งเอกสารหลักฐานและมาให้ถ้อยคำแก่พนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ในวันนี้ (13 ก.ย. 47) นายเอกยุทธ ได้มาให้ถ้อยคำแก่ ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ขอให้นายเอกยุทธ นำส่งหลักฐานข้อมูลซึ่งแสดงว่ามีการปั่นหุ้นดังกล่าวตามที่ กล่าวอ้าง ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อผู้ซื้อหุ้น รายชื่อผู้ขายหุ้น รายชื่อนักการเมือง หรือข้อมูลจำเพาะอื่นใด ปรากฏว่านายเอกยุทธมิได้มีข้อมูลดังกล่าวมายื่น สำหรับข้อมูลที่นายเอกยุทธ ยื่นนั้น เป็นข้อมูลชุดเดียวกับที่ยื่นตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นข้อเสนอแนะของนายเอกยุทธเกี่ยวกับวิธีการ ตรวจสอบ และส่วนที่สองเป็นข้อมูลเดียวกับที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฉบับวันที่ 27 ส.ค. — 2 ก.ย. 47 ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ทำการตรวจสอบแล้ว แต่ไม่พบว่าเข้าข่ายการปั่นหุ้น
นอกจากนี้ ในการให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นายเอกยุทธ ได้แจ้งว่า ตนไม่เคยพูดว่า ป. ปลา หรือ ส. เสือเป็นคนปั่นหุ้น อีกทั้งยังได้ยอมรับว่า ตนไม่มีหลักฐานในครอบครองในขณะนี้ และที่ระบุว่ามีการสร้างราคา SCIB-C1 นั้น เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของตนที่ได้สังเกตจากระบบการซื้อขายที่เป็นข้อมูลสาธารณะ
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ผลการตรวจสอบที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งมาให้ ก.ล.ต. ระบุว่า ยังไม่พบการซื้อขายในลักษณะที่เข้าข่ายการสร้างราคา เป็นเพียงการซื้อขายในลักษณะ net settlement เป็นส่วนใหญ่ โดยปริมาณของผู้ซื้อขายสูงสุด 30 รายแรกมีสัดส่วนของมูลค่าซื้อรวมกัน เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายรวม มิได้มีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต. ก็จะทำการตรวจสอบอีก ครั้งหนึ่งว่า การตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ครอบคลุมรายการที่สำคัญ ๆ จนครบถ้วนแล้ว รวมทั้งอาจจะต้องมีการสุ่มตรวจทางเดินของเงินเพื่อดูว่ามีการร่วมกันปั่นหุ้นหรือไม่ ผมขอยืนยันว่าหากผล ออกมาพบมีผู้กระทำความผิด ก.ล.ต. จะดำเนินคดีทุกกรณี ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม ทั้งนี้ กระบวนการตรวจสอบและลงโทษภายใน ก.ล.ต. ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เป็นคณะบุคคล ประกอบด้วยรองเลขาธิการ ผู้ช่วยเลขาธิการทุกคน และผู้อำนวยการฝ่ายงานต่าง ๆ อีก 6 ฝ่าย โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องมีการ นำเสนอข้อมูลต่อที่ประชุมอย่างครบถ้วน ไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่สามารถยุติเรื่องหรือบิดเบือนข้อมูลด้วยตนเองได้”
นายธีระชัย กล่าวว่า “ในการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2547 คณะกรรมการก็ได้กำชับผมให้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ดังนั้น เมื่อผมมีข้อสรุปเบื้องต้นภายในสำนักงานแล้ว ผมจึงจะขอนำเสนอเรื่องพร้อมข้อมูลทั้งหมดต่อคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยจะแสดงชื่อจริง นามสกุลจริงของผู้ซื้อและผู้ขายรายใหญ่ทุกราย ที่ซื้อขายในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่นายเอกยุทธ ตั้งข้อสงสัย รวมทั้งผลการตรวจสอบในทางลึกอื่น ๆ ที่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการไป เพื่อให้กรรมการ ก.ล.ต. แต่ละท่านพิจารณาข้อเท็จจริงด้วยตัวเองทั้งหมด และหากกรรมการท่านใดเห็นว่าควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติมใน จุดใด ผมก็จะดำเนินการจนครบถ้วน”
“ผมตระหนักดีว่า ประชาชนสนใจข้อกล่าวหาปั่นหุ้น SCIB-C1 มาก จึงจะดำเนินการอย่างรัดกุมโปร่งใสที่สุด และสุดท้ายเมื่อได้ผลประการใดก็จะเปิดเผยข้อมูลแก่สื่อมวลชนให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ดังนั้น เรื่องนี้จึงจะมีการกลั่นกรองถึง 4 ชั้น ชั้นแรกโดยตลาดหลักทรัพย์ ชั้นที่สองโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. ซึ่งมีอำนาจเจาะลึกถึงทางเงินผ่านบัญชีธนาคารต่าง ๆ ชั้นที่สามโดยคณะกรรมการ ก.ล.ต. และชั้นสุดท้ายโดยการแถลงข้อมูลต่อสื่อมวลชน ”
นายธีระชัย กล่าวต่อไปว่า “ ตลาดทุนอยู่ไม่ได้ถ้านักลงทุนไม่มีความเชื่อถือ และเนื่องจากตลาดทุนเป็นสาขาธุรกิจที่มีความอ่อนไหวต่อข่าวมากเป็นพิเศษ กฎหมายจึงเปิดให้ ก.ล.ต. สามารถบังคับให้บุคคลใดที่อ้างว่ามีหลักฐานข้อมูล จำเป็นต้องนำส่งแก่ ก.ล.ต. ดังนั้น หากในอนาคตนายเอกยุทธแจ้งต่อสื่อมวลชนว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายหลักทรัพย์ใด ๆ เพิ่มเติมอีก ก็สามารถนำเอกสารหลักฐานมายื่นต่อ ก.ล.ต. เพื่อดำเนินการต่อไป หากไม่ยื่น ก.ล.ต. ก็จำเป็นต้องสั่งให้มายื่นข้อมูลอีก”
“สำหรับกรณีที่มีหนังสือพิมพ์บางฉบับได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรฐานของ ก.ล.ต. ว่า ในเมื่อเรื่องการปั่นหุ้น SCIB-C 1 เคยมีลงในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาแล้ว ทำไม ก.ล.ต. จึงไม่เรียกคนเขียนคอลัมน์มาให้ข้อมูลบ้าง ในเรื่องนี้ ก.ล.ต. ขอเรียนว่าบทความดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลทั่วไป ไม่ได้มีการระบุชื่อผู้ปั่นหุ้นเป็นรายเฉพาะ ซึ่งตามกระบวนการทำงานตามปกติของ ก.ล.ต. เมื่อปรากฏข้อมูลดังกล่าวในสื่อใด ก็จะต้องพิจารณาเพื่อทำการตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งในระหว่างการทำงานตามปกติ ก.ล.ต. จะไม่ออกมา ให้ข่าวใด ๆ แต่สำหรับกรณีนายเอกยุทธ มีการกล่าวพาดพิงถึงผู้ปั่นหุ้นเฉพาะรายบุคคล รวมทั้งกล่าวว่ามีการปั่นหุ้นตัวอื่น ๆ อีกด้วย และอ้างว่ามีเอกสารหลักฐาน ก.ล.ต. จึงต้องขอข้อมูลเพื่อใช้ตรวจสอบต่อไป ก.ล.ต. ขอย้ำว่าไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด” นายธีระชัย กล่าวสรุป--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--