กรุงศรีกรุ๊ปรายงานกำไรสุทธิ 3.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% เทียบกับไตรมาส 3/2554

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 19, 2012 10:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) วันนี้ได้รายงานผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับไตรมาส 3/2555 โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจากการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิในระดับที่สูง และหนี้ด้อยคุณภาพที่ลดลง กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิ 3.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 กรุงศรีกรุ๊ปมีกำไรสุทธิที่ 10.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 สินเชื่อที่มีคุณภาพขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.8% คิดเป็นมูลค่า 28.0 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 หรือเพิ่มขึ้น 10.4% คิดเป็นมูลค่า 71.5 พันล้านบาทจากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 โดยธุรกิจรายย่อยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ โดยสินเชื่อรายย่อยเติบโต 17.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เงินฝากเพิ่มขึ้น 49.9 พันล้านบาท คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 111.8 พันล้านบาท คิดเป็น 19.9% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2554 ขณะที่สัดส่วนของเงินฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมด เพิ่มมาอยู่ที่ระดับ 51.9% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2555 เทียบกับที่ 42.4 % ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลง 1.7 พันล้านบาทจากไตรมาส 2/2555 โดยปัจจุบันอยู่ที่ 2.65% ของสินเชื่อทั้งหมด ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงอยู่ที่ระดับ 4.35%. มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ไตรมาส 3/2555 นับเป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ โดยสินเชื่อและเงินฝากได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนถึงความสามารถของธนาคารและบริษัทในเครือในการนำเสนอนวัตกรรมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการรักษาความเป็นผู้นำในตลาด ทั้งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนและสิงหาคมที่ผ่านมา ธนาคารประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝาก “ออมทรัพย์ มีแต่ได้” และ “ออมทรัพย์ จัดให้” โดยสามารถระดมเงินฝากได้สูงกว่า 120 พันล้านบาท ท่ามกลางภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาดเงินฝาก” “สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ธนาคารยังคงมีมุมมองเป็นเชิงบวกต่อทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการในการบริโภคและลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไตรมาส 4 ของทุกปี ถือเป็นช่วงที่สินเชื่อมักขยายตัวได้สูงที่สุด” มร. อาร์โนลด์ กล่าว ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีสินเชื่อรวม 784 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 1.04 ล้านล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 15.8% โดยเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1(Tier 1) 11.5% สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) สำหรับไตรมาส 3/2555 - การเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ: เพิ่มขึ้น 10.4% คิดเป็นมูลค่า 71.5 พันล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือเพิ่มขึ้น 14.6% คิดเป็นมูลค่า 97.0 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2554 - สินเชื่อด้อยคุณภาพ: ลดลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 22.5 พันล้านบาท จาก 29.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือลดลงถึง 23.9% โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นสัดส่วน 2.65% ของสินเชื่อรวมซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2536 - กำไรสุทธิ: 3.76 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% จากไตรมาส 3/2554 - ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): อยู่ที่ระดับ 4.35 % ในช่วงไตรมาส 3/2555 - อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 50.1% จาก 52.3% ณ สิ้นไตรมาส 3/2554 - สัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 141% จาก 129% ณ สิ้นไตรมาส 2/2555 - รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ: เพิ่มขึ้น 21.8% จากไตรมาส 3/2554 - การเติบโตของเงินฝาก: เพิ่มขึ้นอย่างสูงเป็นจำนวน 111.8 พันล้านบาท หรือ 19.9% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 - สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมด ปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ 51.9% จาก 42.4% ณ เดือนธันวาคม 2554 - อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ยังคงรักษาความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 15.8%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ