กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--บีโอไอ
เลขาธิการบีโอไอ คนใหม่ ลั่น พร้อมนำบีโอไอ เดินหน้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างความสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการต่อยอดอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพในการ เป็นฐานการผลิตหลักของโลก พร้อมปรับยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนครั้งใหญ่ 6 ส่วนสำคัญ
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงการกำหนดแนวทางและนโยบาย ภายหลังเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการบีโอไอคนใหม่ ว่า ทิศทางการทำงานของบีโอไอในช่วง 5 ปีจากนี้ (2556-2560) จะมีการปรับเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมสีเขียว อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง พ ลังงานทดแทน ท่องเที่ยวและสุขภาพ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์
โดยแนวทางดังกล่าวจะเดินควบคู่กับการส่งเสริมการลงทุนที่ทำให้เกิดความสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และความสมดุลของภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ เพื่อให้ประเทศไทย ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในระดับโลกหรือภูมิภาค ทั้งในส่วนที่พัฒนาจากความได้เปรียบโดยธรรมชาติ และการต่อยอดอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตหลักของโลก เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปจากยางพารา อุตสาหกรรมบริการสุขภาพ เศรษฐกิจสร้า งสรรค์ เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นการส่งเสริมเพื่อรองรับแนวโน้มธุรกิจใหม่ของโลก เช่น ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทน กิจการเทคโนโลยีชีวภาพ ธุรกิจรองรับสังคมผู้สูงอายุและสุขภาพ ทั้งนี้นโยบายต่างๆ จะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาท้องถิ่นตามศักยภาพและความต้องการของแต่ละพื้นที่ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจและพัฒนาความสามารถของธุรกิจไทย และสนับสนุนให้การลงทุนจากต่างประเทศมีส่วนสนับสนุนเกื้อกูลต่อการเติบโตของธุรกิจไทยให้มากที่สุด
“การส่งเสริมการลงทุนต่อไปนี้ จะไม่ได้ชี้วัดจาก มูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพียงอย่างดียว แต่จะต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทย และเป็นทิศทางของอุตสาหกรรมของโลกด้วย โดยเฉพาะในปัจจุบันการแข่งขันการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในภูมิภาคมีความรุนแรง จากการที่หลายประเทศเริ่มเปิดให้ต่างประเทศเข้าไปลงทุน ดังนั้นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายจึงมีความสำคัญ และจะทำให้เห็นทิศทางอุตสาหกรรมของไทยชัดเจนขึ้น นอกจากนี้จะให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ บีโอไอจะต ้องเป็นหน่วยงานสำคัญในการให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายกิจการ และหาโอกาสลู่ทางการลงทุนใหม่ ๆ ได้ด้วย” นายอุดมกล่าว
นายอุดม กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวนโยบายที่จะปรับปรุงไปจากเดิมจะครอบคลุมใน 6 ด้าน ได้แก่ 1.การปรับปรุงประเภทกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนใหม่เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการลงทุนในปัจจุบัน 2. การลดสิทธิพื้นฐาน และเพิ่มสิทธิประโยชน์หากมีการลงทุนเพิ่มในเรื่องของการวิจัย และพัฒนา และการดูแลสิ่งแวดล้อม3.การยกเลิกระบบให้สิทธิประโยชน์ตามเขตที่ตั้ง โดยหันไปมุ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่ม ในแต่ละภาคและพื้นที่ชายแดน 4.ปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ เน้นอำนวยความสะดวกผ่านสิทธิประโยชน์ที่มิใช่ภาษีและบริการที่ครบวงจร 5. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ และ 6.การกำหนดให้มีตัวชี้วัดและเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อสามารถวัดผลและประสิทธิภาพความคุ้มค่าของการส่งเสริมการลงทุนได้