กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทย ตลอดจนตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourist Segment) และกระแสเงินสดของบริษัทที่มีความสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการแข่งขันทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงข้อจำกัดจากการมีโรงพยาบาลหลักเพียงแห่งเดียว และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนในอนาคต แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายที่บริษัทจะสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในประเทศเอาไว้ได้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทได้รวมโอกาสที่บริษัทอาจซื้อกิจการของโรงพยาบาลในระยะปานกลางไว้แล้ว ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทยังมีความสามารถที่จะเติบโตด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวได้จากธุรกิจที่มีความสม่ำเสมอและภาระหนี้ปัจจุบันที่อยู่ในระดับปานกลาง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในทางลบได้หากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทสูงเกินกว่า 50% เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ดำเนินกิจการโรงพยาบาลภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ในกรุงเทพฯ โดยรายได้จากโรงพยาบาลดังกล่าวคิดเป็น 95% ของรายได้รวมของบริษัท โรงพยาบาลหลักของบริษัทมีความสามารถในการให้บริการผู้ป่วยนอกจำนวน 4,500 คนต่อวัน และมีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยในทั้งหมด 538 เตียง บริษัทมีรายได้จากผู้ป่วยต่างประเทศประมาณ 60% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยที่ชำระเงินเองคิดเป็นประมาณ 70% ของรายได้รวม บริษัทมีรายได้รวมในปี 2554 อยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมให้บริการด้านสุขภาพที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์สะท้อนถึงชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักและผลงานทางการแพทย์ที่เป็นที่ยอมรับมานานกว่า 30 ปี บริษัทเน้นกลุ่มลูกค้าผู้ป่วยชาวไทยที่มีรายได้ในระดับสูงและกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศโดยใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างด้านบริการและคุณภาพ ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทในตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสะท้อนจากเครือข่ายที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ บริษัทมีสัดส่วนผู้ป่วยที่มาจากตะวันออกกลางสูงสุดจากจำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติทั้งหมด ทั้งนี้ การรับผู้ป่วยชาวต่างชาติช่วยให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย รวมทั้งช่วยลดการพึ่งพาผู้ป่วยในประเทศและลดแรงกดดันจากการแข่งขันในตลาดบริการสุขภาพภายในประเทศ
ในช่วง 5 ปีข้างหน้า บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์วางแผนเติบโตทางธุรกิจด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยและเพิ่มสัดส่วนทางการตลาดในกลุ่มผู้ป่วยใหม่ ๆ โดยทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลแห่งใหม่จะยังคงอยู่ในเขตใจกลางของกรุงเทพฯ บริษัทได้ซื้อที่ดิน 2 แปลงบนถนนเพชรบุรีและสุขุมวิท ซอย 1 โดยที่ดินแปลงแรกสามารถรองรับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง ส่วนที่ดินแปลงที่ 2 เหมาะสำหรับลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหลักเนื่องจากมีทำเลอยู่ใกล้กัน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้สรุปแผนการลงทุนที่ชัดเจนในเวลานี้
บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสเติบโตในตลาดใหม่ ๆ และมีความเป็นไปได้สูงว่าบริษัทอาจซื้อกิจการโรงพยาบาลที่เน้นกลุ่มผู้ป่วยที่มีรายได้ระดับปานกลางค่อนไปทางสูง แม้ว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยเสริมธุรกิจให้มีความหลากหลายขึ้น แต่ทริสเรทติ้งมองว่าการบริหารจัดการกลยุทธ์ดังกล่าวยังคงมีความเสี่ยงอยู่มากเนื่องจากบริษัทยังขาดประวัติความสำเร็จที่เพียงพอในการควบรวมกิจการและการบริหารจัดการโรงพยาบาลที่เน้นกลุ่มผู้ป่วยที่มีรายได้ระดับปานกลางค่อนไปทางสูง
ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จะเดิบโตอย่างน้อย 6%-8% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทในอดีตที่ผ่านมาอยู่ระหว่าง 23%-25% ซึ่งถือเป็นระดับที่แข็งแกร่งและมีความสม่ำเสมอ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรของบริษัทจะยังคงมีความสม่ำเสมอและอยู่ในระดับเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 23% ต่อไปในระยะปานกลาง
ภาระหนี้ของบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากโครงการขยายพื้นที่ให้บริการในโรงพยาบาลหลักและการใช้เงินกู้เพื่อซื้อหุ้นของ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 20.1% ในปี 2553 มาอยู่ที่ 42.4% ในปี 2554 และอยู่ที่ 40.4% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2555 บริษัทได้ขายหุ้นที่ถือทั้งหมดในบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอล และคาดว่าจะได้รับเงินสดหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจำนวน 4.5 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าภาระหนี้ของบริษัทอาจไม่ลดลงจากระดับปัจจุบันมากนักเนื่องจากบริษัทต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นสำหรับโครงการก่อสร้างบนที่ดินแปลงใหม่และอาจลงทุนซื้อกิจการโรงพยาบาลอื่น ๆ
ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จะอยู่ระหว่าง 2.5-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2555-2559 โดยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานดังกล่าวเมื่อรวมกับเงินสด 4.5 พันล้านบาทที่ได้รับจากการขายหุ้นในบริษัทบางกอก เชน ฮอสปิทอลแล้วน่าจะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนในแผนปัจจุบันและจ่ายเงินปันผลได้อย่างเพียงพอ บริษัทมีสถานะสภาพคล่องที่ดี ภาระหนี้ของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2555 เป็นหุ้นกู้ระยะยาวทั้งหมด โดยหุ้นกู้ชุดแรกจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2559 นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอยู่อีกประมาณ 3.3 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งกล่าว