กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
กสิกรไทย จับมือ สสปน. และอิมแพค จัดโครงการสนับสนุนงานแสดงสินค้า SME ไทย เปิดตัวความร่วมมือด้วยการจัดงาน K SME Care Biz Fair 2012 งานใหญ่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ใช้ช่องทางการแสดงสินค้าในการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ วันเดียวครบทุกกลุ่มธุรกิจ เจรจาซื้อขายกับเจ้าของกิจการตัวจริง 1 พ.ย.นี้
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด จัดโครงการสนับสนุนงานแสดงสินค้า SME ไทย เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจเอสเอ็มอีใช้ช่องทางการแสดงสินค้าเป็นเครื่องมือในการทำตลาดเพิ่มโอกาสธุรกิจ โดยเริ่มต้นด้วยการจัดงาน K SME Care Biz Fair 2012 ซึ่งเป็นงานออกร้านของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบบ B2B จำนวน 9 กลุ่มธุรกิจ รวม 150 บริษัท โดยเป็นการเจรจาซื้อขายกับเจ้าของกิจการตัวจริง ตั้งเป้าจะมีมูลค่าการซื้อขายภายในงานและต่อเนื่องไปจนสิ้นปีไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย ยังให้การสนับสนุนองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในการจัดกิจกรรมการตลาด รวมถึงการประชาสัมพันธ์ข่าวสารงานแสดงสินค้าพร้อมสิทธิพิเศษจากพันธมิตร และในอนาคตธนาคารมีแผนจะขยายการจัดกิจกรรมการเจรจาธุรกิจไปยังส่วนภูมิภาคเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้น
ด้านนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) เป็นหน่วยงานรัฐที่มีบทบาทในการผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้า หรืออุตสาหกรรมไมซ์ทั้งในและต่างประเทศ การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการสนับสนุนงานแสดงสินค้า SME ไทย เป็นหนึ่งในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้สามารถจัดกิจกรรมส่งเสริมตลาดไมซ์ในประเทศ ในด้านการจัดเวทีผู้ประกอบการพบผู้ประกอบการ (Business Matching) ให้มีเวทีในการเจรจาธุรกิจ โดยเน้นการสนับสนุนงานแสดงสินค้าที่เป็นการตลาดระหว่างองค์กรกับองค์กร (B2B) ซึ่งตามแผนงานได้วางแนวทางส่งเสริมงานแสดงสินค้าในประเทศไว้ 3 ส่วน คือ การสร้างงานแสดงสินค้าใหม่ การนำงานแสดงสินค้าที่น่าสนใจกระจายไปจัดในพื้นที่ใหม่ ๆ และการยกระดับมาตรฐานงาน ทั้งให้เป็นงานที่เป็น B2B มากขึ้น และการเพิ่มองค์ประกอบงานแสดงสินค้าให้น่าสนใจ เช่น จัดโปรแกรมท่องเที่ยวก่อนหรือหลังงาน หรือเพิ่มงานประชุมร่วมกับงานแสดงสินค้าเพื่อสร้างเวทีให้ความรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมนั้น ๆ
ทั้งนี้ งาน K SME Care Biz Fair เป็นกิจกรรมแรกภายใต้ความร่วมมือ ของการสนับสนุนการจัดเวทีเจรจาธุรกิจในงานแสดงสินค้าใหม่ภายในประเทศของสสปน.ให้สามารถต่อยอดธุรกิจ ด้วยการจับคู่ธุรกิจแบบ B2B ซึ่งกลุ่ม SME เป็นกลุ่มเป้าหมายธุรกิจขนาดย่อม ที่ช่วยให้เกิดการกระจายรายได้จากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจไปสู่การจ้างงานของประชาชนทั่วประเทศ ตอบโจทย์การส่งเสริมอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าในประเทศของสสปน. โดยเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างสสปน. ธนาคารกสิกรไทย และอิมแพค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ในโครงการนี้จะตอบโจทย์การสร้างเวทีซื้อขายที่จะเปิดโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นฐานไปสู่การพัฒนาธุรกิจขนาดใหญ่ในอนาคตได้อย่างแน่นอน”
ด้านนายลอย จูน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือเพื่อสนับสนุนเครือข่าย SME ของไทย โดยในปัจจุบัน ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในทุกประเทศทั่วโลกต่างยอมรับว่างานแสดงสินค้าเป็นช่องทางส่งเสริมธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในการนำเสนอสินค้าและบริการต่อลูกค้า อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการหาลูกค้ากลุ่มใหม่ และเปิดตลาดใหม่ๆ
ทั้งนี้ อิมแพ็ค ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการพื้นที่สำหรับงานนิทรรศการ งานแสดงสินค้า งานประชุม และยังเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้า ซึ่งครอบคลุมกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ กว่า 12 งานต่อปี ต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการในธุรกิจ SME ได้ใช้งานแสดงสินค้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการขายและการตลาด โดยในความร่วมมือครั้งนี้ อิมแพ็คได้ร่วมสนับสนุนให้สมาชิกในโครงการ KSME Care เข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ทางอิมแพ็คเป็นผู้จัดในราคาพิเศษ อีกทั้งนำเสนอข้อมูลข่าวสารของการจัดงาน และสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่สมาชิกเพื่อเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจ อีกทั้งขยายเครือข่ายของผู้ประกอบการด้วย
สำหรับงาน K SME Care Biz Fair 2012 จะจัดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ เวลา 10.00-16.00 ณ อิมแพค ฟอรัม ชั้น 2 ห้อง Sapphire 204-206 ถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในการใช้ช่องทางงานแสดงสินค้าเพื่อส่งเสริมการขายสินค้า การขยายเครือข่ายธุรกิจ และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ โดยถือเป็นเวทีสำหรับการเจรจาธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและมีความคุ้มค่าสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถพบกับกลุ่มผู้ซื้อเป้าหมายหลาย ๆ รายในเวลาเดียวกัน ซึ่งผู้ประกอบการในโครงการ จะใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุด ในการสร้างความเข็มแข็งของเครือข่าย เพื่อรองรับกระแสการแข่งขัน และโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในภายหลังการเปิดประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้