กรุงเทพฯ--25 ต.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ส่งเสริมให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ ภายใต้ “โครงการหุ้นกู้ SMEs” เพื่อให้ภาคธุรกิจมีความเข้าใจตลาดทุนและเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายยิ่งขึ้นสามารถลดต้นทุนทางการเงิน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเงิน และสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการ เตรียมพร้อมรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและแสวงหาโอกาสจากการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวในงานเสวนา “ตราสารหนี้ทางเลือกในการระดมทุนของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม” ว่า ปัจจุบันธุรกิจ SMEs มีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากช่องทางต่าง ๆ ประกอบกับยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้มากนักก.ล.ต. จึงได้ส่งเสริมทางเลือกในการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ในตลาดทุนให้แก่ SMEs เพื่อให้สามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 37 ของจีดีพี และมูลค่าการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 28 ของการส่งออกรวมของประเทศ ขณะที่มีการจ้างงานถึงร้อยละ 78 ของการจ้างงานรวม
ธุรกิจที่ต้องการออกตราสารหนี้จะสามารถเลือกลักษณะของตราสารได้ตามความเหมาะสมและความต้องการใช้เงิน เช่น ระยะเวลาของตราสาร การมีหรือไม่มีหลักประกัน เป็นต้น ทำให้มีโอกาสระดมทุนด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าทางเลือกอื่น ซึ่งธุรกิจ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการออกตราสารหนี้ หลักเกณฑ์และขั้นตอน และยังช่วยในการประเมินความพร้อมของตนเอง โดยผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะออกตราสารหนี้อาจใช้บริการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาบริษัทให้ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น ส่วนผู้ที่พร้อมออกตราสารหนี้จะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าธรรมเนียมการขอรับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ค่าธรรมเนียมเสนอขายตราสารหนี้ที่ออกใหม่ เป็นต้น
“เป็นโอกาสของธุรกิจ SMEs ที่จะแสวงหาทางเลือกในการระดมทุนใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินทุน มีเงินทุนพร้อมเพื่อได้รับโอกาสทางธุรกิจต่าง ๆ ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนซึ่งนอกจากจะช่วยให้ภาคธุรกิจ SMEs เข้มแข็งแล้ว ยังทำให้เศรษฐกิจของประเทศโดยรวมมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของการสร้างรากฐานของภาคธุรกิจจริง และการทำให้โครงสร้างตลาดการเงินของประเทศมีความสมดุลเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันภาคธุรกิจไทยระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายวรพล กล่าว