กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาว แก่หุ้นกู้มีหลักประกันชนิดทยอยคืนเงินต้น จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ของบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOC ที่ A-(tha) (A ลบ (tha)) ในขณะเดียวกันได้ปรับแนวโน้มเครดิตของหุ้นกู้เป็นบวก อันเป็นผลเนื่องมาจาก ผลการดำเนินงานในปีนี้ที่ดีกว่าที่คาดไว้ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในการลงทุน ฟิทช์เห็นว่า TOC น่าจะได้รับผลประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาผลิตภัณฑ์น่าจะยังคงสูงอยู่ซึ่งจะช่วยเสริมสถานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้การเข้าลงทุนในบริษัท บางกอกโพลีเอทีลีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับซื้อเอททีลีนรายใหญ่ของ TOC เพื่อใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องขั้นปลาย จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพของกำไรได้
อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง การได้รับการสนับสนุนจากปตท. การมีสัญญาซื้อวัตถุดิบระยะยาวและสัญญาขายโอเลฟินส์ระยะยาวรองรับ รวมถึงความยืดหยุ่นของการใช้วัตถุดิบ การได้เปรียบในการแข่งขันจากการที่เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบเป็นก๊าซธรรมชาติที่มีต้นทุนต่ำกว่า นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงลักษณะความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ตามวัฏจักรอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และยังสะท้อนถึงการลงทุนในโครงการ MEG (Mono Ethylene Glycol) ที่ยังคงมีความเสี่ยงในด้านการผลิตในช่วงเริ่มต้นและความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ที่อาจเริ่มเป็นช่วงขาลงในปี 2549 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มทำการผลิต อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดที่สะสมจากธุรกิจโอเลฟินส์ในปัจจุบันรวมกับกำลังการผลิตเอทีลีนที่จะเพิ่มขึ้นที่น่าจะได้รับผลประโยชน์จากราคาผลิตภัณฑ์ที่คาดว่าจะยังคงสูงอยู่จะช่วยให้มีความยืดหยุ่นด้านการเงินและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเริ่มทำการผลิต MEG
TOC มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่าย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เพิ่มขึ้น 27%ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2547 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกปี 2546 เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และราคาวัตถุดิบที่มากขึ้นแม้ว่าจะมีการปิดโรงงานในช่วงต้นปีถึง 22 วันก็ตาม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (Net Debt/ LTM EBITDA) อยู่ที่ระดับ 1.7 เท่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.5 เท่า ณ สิ้นปี 2546 เนื่องจากหนี้สินสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการใช้เงินสดในการลงทุน อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 15.2 เท่าจากเดิม 4.7 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2546 ถึงแม้ว่าผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2547 ของ TOC น่าจะดีขึ้นมาก แต่ระดับหนี้สินสุทธิอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจาก TOC ยังต้องใช้เงินในการลงทุนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามจากการที่ราคาผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้นโดยเฉพาะในปี 2547 ประกอบกับต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ลดลงจากการขยายกำลังการผลิต TOC น่าจะสามารถรักษาอัตราส่วน Net Debt/EBITDA ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่าในช่วงปี 2547-2548 ได้ และน่าจะลดลงในปี 2549-2550
TOC จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2533 โดยการร่วมทุนระหว่าง ปตท. (ปัจจุบันถือหุ้นใน TOC 45%) และกลุ่มผู้ผลิตปิโตรเคมีขั้นปลาย เพื่อผลิตโอเลฟินส์ซึ่งเป็นโรงงานโอเลฟินส์แห่งที่สองของประเทศไทย TOC เริ่มดำเนินการปี 2538 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต เอททีลีน 385,000 ตันต่อปีและโพรไพรีน 190,000 ตันต่อปี หลังจากขยายกำลังการผลิตเรียบร้อยแล้ว TOC จะมีกำลังการผลิตรวมเป็น 1,175,000 ตันต่อปี ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับโรงงานระยองโอเลฟินส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในปัจจุบัน
สามารถขอรับรายงานฉบับสมบูรณ์ ที่ www.fitchratings.com หรือ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ติดต่อ
ภิมลภา สิมะโรจน์, ผู้ช่วยกรรมการ, Corporates
+ 662 655 4761
เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล, ผู้ช่วยกรรมการ, Corporates
+ 662 655 4760
อรวรรณ การุณกรสกุล, กรรมการ, Corporates
+ 662 655 4766
Vincent Milton, กรรมการผู้จัดการ
+ 662 655 4759
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า ‘AAA’ ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--