กรุงเทพฯ--30 ต.ค.--Mind PR
การสำรวจของดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แซสพบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างกลยุทธ์ด้านข้อมูลกับความสำเร็จขององค์กร
การสำรวจทั่วโลกในประเด็นเรื่อง “ข้อมูลขนาดใหญ่: บทเรียนสำหรับผู้นำ” (Big data: Lesson from the leaders) ได้พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างความสำเร็จด้านการเงินขององค์กรธุรกิจกับกลยุทธ์ด้านข้อมูลที่มีการกำหนดไว้เป็นอย่างดี
ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit) ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท แซส ผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจ ได้ดำเนินการสำรวจบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 700 แห่ง ในประเด็นที่ว่าบริษัทเหล่านี้ได้ใช้กลยุทธ์ด้านข้อมูลมากน้อยเพียงใด รวมถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้
เกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทที่ "ประสบความสำเร็จทางการเงินเหนือกว่าคู่แข่งในตลาด" รายงานว่า กลยุทธ์ด้านข้อมูลที่มีการกำหนดไว้เป็นอย่างดี ผลักดันให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันถึงสี่เท่า นอกจากนี้ การสำรวจยังให้ข้อเสนอแนะด้วยว่าบริษัทต่างๆ ควรจัดลำดับความสำคัญเป้าหมายทางธุรกิจเพื่อกำหนดกลยุทธ์ด้านข้อมูลและว่าจ้างพนักงานที่มีความรู้และทักษะในด้านการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่โดยตรง
จะเห็นได้ว่าข้อมูลมีผลกระทบต่อมุมมองด้านธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อปริมาณและชนิดของข้อมูลที่องค์กรสามารถเข้าถึงได้นั้นกำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้น นายอีริค ชมิดต์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของกูเกิล ได้กล่าวว่า ปริมาณข้อมูลที่มีการสร้างขึ้นภายในระยะเวลา 2 วันของโลกปัจจุบันเทียบเท่ากับปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีอารยธรรมจนถึงปี 2546 เลยทีเดียว
ด้านนายพอล เคนท์ รองประธานฝ่ายข้อมูลขนาดใหญ่ บริษัท แซส กล่าวว่า "ข้อมูลขององค์กรถือเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถเผยให้เห็นถึงมุมมองเชิงลึกทางธุรกิจได้ การเชื่อมโยงกลยุทธ์ด้านข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อรับมือกับความท้าทายของคุณถือเป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่การว่าจ้างบุคลากรที่เหมาะสมเพื่อเข้ามาจัดการและวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนสื่อสารผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามไปได้"