TTA ประกาศเพิ่มทุน เพื่อคว้าโอกาสในการลงทุนและสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 31, 2012 08:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--แฟรนคอม เอเชีย บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ประกาศแผนเพิ่มทุน สำหรับการะดมทุนประมาณ 9,910 ล้านบาท โดยคณะกรรมการได้มีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 708,004,413 หุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ14 บาท เพื่อรองรับโอกาสในการขยายกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง รวมถึงโอกาสเติบโตในธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่ง แผนโครงสร้างเพิ่มทุนครั้งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเดิมได้มีส่วนร่วมกับความสำเร็จของ TTA ในอนาคต จากการลงทุนในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองและความเป็นไปได้ในแผนการขยายธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งสำหรับธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจหลักของ TTA ในระยะยาว และยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นจากการลงทุนซื้อสินทรัพย์ในช่วงราคาต่ำอีกด้วย ผู้ถือหุ้นทุกรายสามารถแสดงความจำนงในการใช้สิทธิ์จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในสัดส่วนหนึ่งหุ้นเดิมต่อหนึ่งหุ้นใหม่ได้ในช่วงระหว่างวันที่ 15-21 มกราคม 2556 ซึ่งในกรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนเฉพาะรายในวงจำกัด (PP) ในแบบคราวเดียว หรือหลายคราว ทั้งนี้บริษัทฯ จะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 14 ธันวาคม 2555 เพื่อพิจารณามติดังกล่าว “ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาบริษัทฯ ต้องฝ่าฟันและประคองตัวให้พ้นจากภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรมในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองที่เผชิญกับปัญหาค่าระวางเรือตกต่ำเป็นอย่างมากที่สุดในรอบ 20 ปีเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ บมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ กล่าว “เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะหาวิธีปรับปรุงการดำเนินงานของเราให้มีขนาดที่เหมาะสม มีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลกำไรที่ดีมากขึ้น ซึ่งการประเมินถึงความจำเป็นในการลงทุนเพิ่มเติมคือส่วนหนึ่งของการทำงานดังกล่าว และเราพบว่า ในช่วงอีก 12-18 เดือนข้างหน้านี้ คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ควรจะลงทุนซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองเพิ่มเติมให้กับธุรกิจของโทรีเซน ชิปปิ้ง ยิ่งไปกว่านั้น เรายังเห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในตลาดของธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งสำหรับบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวอยู่เหนือระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลมาโดยตลอด ซึ่งอาจจะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า น่าจะเพิ่มการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TTA คาดการณ์ถึงสภาวะของตลาดล่วงหน้าและตัดสินใจดำเนินการบางอย่างก่อนผู้ประกอบการรายอื่น โดยก่อนหน้านี้ เราก็ได้เลือกที่จะเทขายเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองเก่าที่มีอายุมากและไม่สามารถแข่งขันได้ทิ้ง ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดต่ำสุดของวัฎจักร ซึ่งจะทำให้ขายเรือไม่ได้ราคา” ทั้งนี้ TTA วางแผนที่จะใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน ไปซื้อเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองรุ่น SupraMax ทั้งแบบสั่งต่อใหม่และมือสอง (ที่อายุไม่เกินกว่า 8 ปี) จำนวน 15 ลำ โดยจะค่อยๆ เลือกลงทุนตามสภาวะ โอกาส และเวลาที่เหมาะสมของตลาด ทั้งนี้ เมื่อปี 2551 เรือ Supramax ที่มีอายุ 5 ปีจะซื้อขายกันอยู่ที่ราคาประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ และราคาเฉลี่ยของเรือรุ่นดังกล่าวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ยืนอยู่ที่ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่วันนี้ราคาเรือรุ่นดังกล่าวตกมาเหลือเพียงแค่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ซึ่งพิสูจน์ได้จากการซื้อเรือ Thor Insuvi ของโทรีเซนชิปปิ้งเมื่อเร็วๆนี้ ในราคา 19.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น จึงมีการคาดการณ์ว่า ค่าระวางเรือจะยังมีแนวโน้มจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับนี้ไปอีก 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ราคาของเรือน่าจะยังคงลดต่ำลงอีก โดยน่าจะตกต่ำถึงขีดสุดในปีหน้า 2556 ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นในปี 2557 ทั้งนี้ โทรีเซน ชิปปิ้ง นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีต้นทุนในการบริหารจัดการที่ดีที่สุดบริษัทหนึ่งในแวดวงธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ปัจจุบัน โทรีเซนชิปปิ้งบริหารกองเรือที่เป็นเจ้าของเองจำนวนทั้งสิ้น 16 ลำ และยังต้องเช่าเรือเข้ามาเสริมเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมาก ดังนั้น จึงมีการคาดการณ์ว่า จะต้องเพิ่มจำนวนเรือที่ตนเองเป็นเจ้าของให้มากขึ้น เพื่อให้ได้รับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เราพบพัฒนาการเชิงบวกในธุรกิจของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมด โดยเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ร่วมทุนของเมอร์เมด เพิ่งได้รับสัญญาจ้างงานสำหรับการให้บริการนอกชายฝั่งในการตรวจสอบ ซ่อมแซม และบำรุงรักษา โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาที่มีระยะเวลาการจ้างงานนานถึง 5 ปี และมีมูลค่าสูงถึง 530 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเมอร์เมดจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินดังกล่าวประมาณ 60-70% ในขณะที่ บริษัทเอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง หรือ AOD ซึ่งเมอร์เมดมีหุ้นอยู่ 33.75% ก็สามารถหาสัญญาจ้างงานให้กับเรือขุดเจาะที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงแบบ Jack-up Rig ตัวแรกได้เป็นที่เรียบร้อย โดยสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลาการจ้างงาน 3 ปี และมีมูลค่าสูงถึง 236.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนี่คือผลของการผลักดันการขยายธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งแก่บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ “เมื่อกลับมาดูเรื่องของความพยายามในการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ จะเห็นได้ชัดว่า โทรีเซน ชิปปิ้งมีความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาวะค่าระวางเรือตกต่ำเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25 ปี ซึ่งความสามารถดังกล่าวเป็นผลมาจากการเลือกลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม จึงทำให้เราได้เปรียบ เพราะเราจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ให้บริการรายอื่นเป็นระยะเวลาหลายปีข้างหน้านี้” ม.ล. จันทรจุฑา กล่าวสรุป “ในขณะเดียวกัน สำหรับส่วนงานธุรกิจการให้บริการนอกชายฝั่งสำหรับบริษัทน้ำมันและก๊าธรรมชาติ เราอยากจะมั่นใจว่า เรามีความพร้อมเพียงพอที่จะให้การสนับสนุนการขยายธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจนอกชายฝั่งและธุรกิจเรือขุดเจาะ หากเมอร์เมดพบโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ ผมหวังว่า ผู้ถือหุ้นจะมองเห็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มทุนวันนี้ ที่เป็นการเลือกลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสมของตลาด ซึ่งจะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีสำหรับทุกคน”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ