AGE ยิ้มรับโครงการท่าเรือ-คลังสินค้า จ.อยุธยา ขยายผล ชี้ Q3/55 ต้นทุนโลจิติกส์ลดกว่าครึ่ง ดันผลการดำเนินงานฟื้นตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 1, 2012 11:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ AGE ยิ้มรับความสำเร็จ โครงการลดต้นทุน จ.อยุธยา เพิ่มความสามารถในการทำกำไรขั้นต้น รับไตรมาส 3/2555 นี้ รับ อนิสงค์เต็มๆ ดัน ผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวอย่างชัดเจน เหตุโครงการท่าเรือ และคลังสินค้า ช่วยลดต้นทุนเฉลี่ยปีละกว่า 100 ล้านบาท ด้าน “ พนม ควรสถาพร” กรรมการผู้จัดการ ย้ำ เดินหน้าแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี ดันรายได้แตะหมื่นล้านบาท นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า โครงการลดต้นทุนที่ดำเนินการสร้างท่าเรือและคลังสินค้าให้อยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อลดขั้นตอนการนำเข้าให้สั้นลง เพิ่มความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้น ถือเป็นหนึ่งในแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี (2554-2558) ของบริษัทฯ ที่จะผลักดันเป้ารายได้ไปให้ถึง 10,000 ล้านบาท พร้อมกับการเพิ่มมาร์จิ้น สำหรับการเริ่มดำเนินงานโครงการท่าเรือและคลังสินค้าระบบปิดระยะที่ 1 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น จะรับรู้รายได้อย่างเต็มจำนวนในไตรมาส 3/2555 นี้เป็นต้นไป และหากการพัฒนาโครงการเสร็จสมบูรณ์ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 1/2556 จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคงจะสะท้อนในผลประกอบการปี 2556 เป็นต้นไป นายพนม กล่าวอีกว่า การที่จะพลิกฟื้นของผลประกอบการนั้น มาจากต้นทุนสินค้าคงคลังที่ต่ำลง และที่สำคัญค่าขนส่งที่ถูกลงซึ่งมากจากโครงการสร้างท่าเรือ และคลังสินค้าระบบปิดอยู่ในบริเวณเดียวกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อลดขั้นตอนการนำเข้าให้สั้นลงซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท “ โครงการท่าเรือและคลังสินค้าที่อยุธยานั้น ถือเป็นคลังสินค้าแบบประหยัดพลังงาน และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI โดยยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี โครงการดังกล่าวจะดำเนินการภายใต้บริษัท เอจีอี เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดย AGE 100 % โดยในเฟสแรกจะรับรู้รายได้อย่างเต็มจำนวนในไตรมาส 3 นี้ ส่วนเฟสที่ 2 อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ประมาณ 60-70 % ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปีหน้า และคงเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 เป็นต้นไป ” นายพนมกล่าว สำหรับแผนดำเนินธุรกิจ 5 ปี 4 โครงการของบริษัทนั้นประกอบไปด้วย 1. การส่งออกถ่านหินไปยังต่างประเทศซึ่งปัจจุบันบริษัทก็ได้มีการส่งออกถ่านหินไปยังประเทศจีน และกำลังจะขยายตลาดไปยังประเทศอินเดีย 2.โคลงการลดต้นทุนดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือละคลังสินค้าระบบปิดเพื่อลดขั้นตอนในการนำเข้าให้ลดลง3.การลงทุนในธุรกิจต้นน้ำ คือ การเข้าลงทุนในเหมืองถ่านหิน เพื่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในอัตราที่สูง ทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับบริษัท และ 4.การลงทุนในธุรกิจปลายน้ำ โดยได้ศึกษาโครงการลงทุน “ โรงไฟฟ้าถ่านหิน ”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ