กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--สำนักงาน กปร.
กปร. นำสื่อมวลชน เยาวชนนักศึกษาร่วมกิจกรรม “สื่ออาสา...สืบสานพระราชดำริ” ภาคเหนือ
กิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ภายใต้โครงการ “สื่ออาสา...สืบสานพระราชดำริ” ครั้งที่ 4/2555 นี้ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กำหนดนำทีมคณะสื่อมวลชน เยาวชนนักศึกษา และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามความคืบหน้าและผลสำเร็จโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา
นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ เลขาธิการ กปร. เปิดเผยถึงกิจกรรมดังกล่าวว่าเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ “80 พรรษา ปวงประชา ร่มเย็น เป็นสุข” ที่สำนักงาน กปร. จัดขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อร่วมเรียนรู้และเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานความช่วยเหลือราษฎรให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเอง องค์กร และประเทศชาติ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติสืบต่อไป ที่สำคัญจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานงานพระราชดำริให้เป็นกว้างขวางยิ่งขึ้น
โดยคณะสื่ออาสา...สืบสานพระราชดำริ จะได้เยี่ยมชมโครงการอนุรักษ์แหล่งพันธุกรรมไม้สักและพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรบริเวณลุ่มน้ำของ - ลุ่มน้ำปายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 และพระราชทานชื่อป่าสักดังกล่าวว่า “ป่าสักนวมินทรราชินี” เพื่ออนุรักษ์แหล่งป่าสักพื้นที่ 497.2 ตารางกิโลเมตร ในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย 344 ตารางกิโลเมตร และในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งขวาตอนล่าง 2.2 ตารางกิโลเมตร และป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งซ้ายตอนล่าง 151 ตารางกิโลเมตร ไม่ให้ถูกบุกรุกทำลาย โดยกำหนดพื้นที่ป่าสักธรรมชาติ เนื้อที่ 60,000 ไร่ ให้เป็นเขตอนุรักษ์ที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ อีกทั้งเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชน เสริมสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นแหล่งศึกษาวิจัยด้านพันธุกรรมไม้สัก
อีกทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรบริเวณป่าลุ่มน้ำของ-ลุ่มน้ำปาย จำนวน 4 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านห้วยซลอบ บ้านนาอ่อน บ้านมะโนรา และบ้านห้วยปมฝาก ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เสริมสร้างจิตสำนึกแก่ชุมชนให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เกิดความรัก ความหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ และเรียนรู้การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุกรรมไม้สักในถิ่นกำเนิดและนอกถิ่นกำเนิด รวมถึงเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยไม้สักที่ครบวงจรของประเทศไทยและในระดับสากลต่อไป
นอกจากนี้คณะสื่อมวลชนจะได้เยี่ยมชมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตพื้นที่อนุรักษ์ (ขุนแจ) ตามพระราชดำริ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมอุทยานแห่งชาติขุนแจ และได้กราบมนัสการพระพุทธรูปทองคำโบราณ ณ วัดพระธาตุแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า ในการนี้ พระครูไพบูลย์พัฒนาภิรักษ์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแม่เจดีย์ ได้ขอให้ ฯพณฯ องคมนตรี พิจารณาช่วยเหลือราษฎร 7 หมู่บ้าน ที่อาศัยอยู่ในอุทยานแห่งชาติขุนแจ เนื่องจากปัจจุบันราษฎรได้หันมาปลูกเสาวรสที่มีผลตอบแทนสูงกว่าการปลูกเมี่ยง ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิม ส่งผลให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าอนุรักษ์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องใช้ไม้จากอุทยานฯ มาทำเสาค้ำยันในการปลูกเสาวรส และนับวันจะทวีการใช้ไม้เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติขุนแจในวงกว้าง ทั้งนี้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้พิจารณาแล้วเห็นควรเร่งป้องกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร เพื่อทดแทนการปลูกเสาวรส โดยขอพระราชทานพระมหากรุณารับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่อไป
ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนในพื้นที่อนุรักษ์ตามแนวพระราชดำริ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2554 สำนักงาน กปร. และหน่วยงานต่างๆ จึงได้ร่วมกันวางแผนด้านการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ เช่น ปลูกป่าธรรมชาติเพื่อปรับปรุงระบบนิเวศ ปลูกหวายเสริมธรรมชาติ ก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธารแบบกึ่งถาวร และแบบผสมผสาน งานสำรวจการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินตามแนวเขตอนุรักษ์แปลงที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของราษฎร และด้านการส่งเสริมอาชีพ ด้วยการส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์ดีให้แก่ราษฎร ซึ่งเมื่อดำเนินโครงการแล้วเสร็จจะสามารถลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจให้คงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติดังเดิม โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมและสร้างเครือข่ายการรักษาป่าต้นน้ำลำธารในพื้นที่อุทยานแห่งชาติให้เข้มแข็ง รวมทั้งทำให้ราษฎร จำนวน 7 หมู่บ้าน 3 ตำบล 601 ครัวเรือน 1,810 คน อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย มีความรู้ในการประกอบอาชีพทางการเกษตร และมีรายได้ที่มั่นคงส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยั่งยืน
โอกาสนี้ คณะสื่ออาสา...สืบสานพระราชดำริ จะได้ร่วมในพิธีเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “80 พรรษา ปวงประชา ร่มเย็น เป็นสุข” ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่แอร์พอร์ต จังหวัดเชียงใหม่ กำหนดจัดระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2555 นี้ โดยวันที่ 27 ตุลาคม นี้ได้มีพิธีเปิดโดยนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธี ซึ่งนิทรรศการดังกล่าว สำนักงาน กปร. ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา กองทัพบก สำนักงบประมาณ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม้ และกรมชลประทาน ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์สุขของพสกนิกรชาวไทยทุกคน และเพื่อเผยแพร่ขยายผลองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริไปสู่ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป รวมถึงเยาวชนได้รับทราบในวงกว้างมาก
นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ เปิดเผยว่า นิทรรศการสัญจรเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ จะมีการจัดแสดงภาพรวมของการทรงงานในสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ อีกทั้งการแสดงนิทรรศการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ โดยนำเสนอในรูปแบบของจริงที่มีชีวิต อาทิ แนวพระราชดำริของพระองค์ที่ทรงห่วงใยเรื่องป่าไม้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะเห็นได้ว่าโครงการพระราชดำริทางภาคเหนือส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ซึ่งมีถึง 18 แห่ง
ที่ได้พระราชทานพระราชดำริ เพื่อให้ราษฎรในพื้นที่ ร่วมมือกัน ฟื้นฟูป่า จนทำให้ได้พื้นที่ป่าคืนมาเป็นจำนวนกว่า 10,000 ไร่ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่กระจายในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ได้ว่า คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างเกื้อกูลกันและมีความสุข ตลอดรวมถึง โครงการฟาร์มตัวอย่างฯ โครงการพิทักษ์ป่า ที่สานสร้างงานพัฒนาให้บังเกิดความมั่นคงและยังยืนให้แก่ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างกลมกลืนและเกื้อกูลกันอย่างสมบูรณ์
ติดต่อ:
คุณไพลิน ภูสูง ประสานงานโครงการสื่อสัญจร สื่ออาสา...สืบสานพระราชดำริ โทร. 0 2276 6487-8