กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--เวเบอร์ แชนด์วิค (ประเทศไทย)
ในรายงานการวิเคราะห์เมื่อเร็ว ๆ นี้โดยนักวิเคราะห์ของเอบีเอ็น แอมโร นายแอนดรูว์ มอล คาดการณ์ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะไปยืนที่ 800 จุด ซึ่งจากระดับดัชนีในปัจจุบันถือว่ามีอัพไซด์เพิ่มขึ้น 20% การคาดการณ์ดังกล่าวมาจากการวิเคราะห์ราคาเป้าหมายของหุ้นแต่ละตัวและนำมาประกอบกัน
“การเติบโตด้านการลงทุนยังคงเป็นตัวผลักดันสำคัญสำหรับประเทศไทย” นายแอนดรูว์ มอล หัวหน้าฝ่ายวิจัยประจำประเทศไทย กล่าวเสริม “ทั้งนี้ การเมืองที่มั่นคงต่อเนื่องและการฟื้นตัวในการลงทุนน่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งการเติบโตของตลาดในช่วง 12 เดือนข้างหน้าโดยระดับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ 800 จุด จะเท่ากับราคาซื้อขายที่พีอีประมาณ 12 เท่า”
“จากประวัติที่ผ่านมา ตลาดประเทศไทยจะซื้อขายกันที่พีอีระหว่าง 10-22 เท่า และการซื้อขายที่พีอี 12 เท่านั้นดูเป็นเหตุเป็นผลเมื่อเทียบกับประวัติการซื้อขายที่ผ่านมา” นายแอนดรูว์ มอล กล่าวเสริมอีกว่า “เรามีความเชื่อที่เห็นพ้องกันว่าประมาณการของรายได้จะมีการเติบโตที่ช้าลงมากอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้ในขณะที่การคาดหมายรายได้ในส่วนอื่น ๆ ของภูมิภาคอยู่ในขาขึ้นตั้งแต่ช่วงท้ายของปีที่ผ่านมา”
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของประเทศไทยคือ รัฐบาลที่มีอายุไม่ยืนยาว รัฐบาลร่วมที่มาจากหลายฝักหลายฝ่าย ดูเหมือนจะหมดไปแล้ว และเอบีเอ็น แอมโรคาดว่ารัฐบาลของท่านนายกทักษิณ จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งจากการได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2548
การเติบโตด้านการลงทุนยังคงเป็นตัวผลักดันสำคัญสำหรับประเทศไทยในความเห็นของเอบีเอ็น แอมโร แม้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอุปสรรคเล็กน้อยต่อการเติบโต แต่ความต้องการในการลงทุนใหม่ ๆ ยังจะคงแข็งแกร่งอยู่ ในส่วนของอุตสาหกรรมการผลิต การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2544 โดยได้เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำที่ 50% ในตอนนั้นมาอยู่ที่ 70% ในขณะนี้ ซึ่งหมายความว่าธุรกิจด้านการผลิตมีแรงจูงใจอย่างมากที่จะขยายต่อไป
สำหรับภาคธนาคาร ธนาคารต่าง ๆ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตที่เนื่องมาจากการปล่อยกู้ที่เพิ่มขึ้น สัดส่วนที่ดีขึ้นระหว่างเงินฝากและเงินกู้ อำนาจในการกำหนดราคาที่เพิ่มมากขึ้น และการที่เงินที่มีอยู่ล้นธนาคารเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์สำหรับการกู้ยืมที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
สำหรับธุรกิจสื่อสาร โทรคมนาคม การปฏิวัติในอุตสาหกรรมนี้จะเป็นกุญแจระยะยาวของราคาหุ้นของบริษัทโทรคมนาคม โดยการลงคะแนนเสียงของวุฒิสมาชิกครั้งประวัติศาสตร์ในวันที่ 24 สิงหาคม ที่มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการเจ็ดท่าน สำหรับคณะกรรมาธิการดูแลกิจการด้านโทรคมนาคมแห่งชาติที่ตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งแม้จะล่าช้าไปจากหมายกำหนดการเดิมถึงสี่ปี แต่ก็ยังคงถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ทั้งนี้ การก่อตั้งคณะกรรมาธิการดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นของกระบวนการแปรรูปสัมปทาน การประสานความร่วมมือ และการให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโทรคมนาคมใหม่
จากการวิเคราะห์ที่เริ่มจากพื้นฐานแต่ละตัว สองกลุ่มหลักที่ เอบีเอ็น แอมโร ให้น้ำหนักมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ คือ กลุ่มธนาคารและกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม เนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นและการปฏิรูปของกฎระเบียบใหม่ซึ่งคาดว่าจะส่งผลในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ
เกี่ยวกับ เอบีเอ็น แอมโร
เอบีเอ็น แอมโรเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยมีสินทรัพย์รวมกว่า 560.4 พันล้านยูโร (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2546) เอบีเอ็น แอมโร มีสาขากว่า 3,000 แห่งในกว่า 60 ประเทศ และมีพนักงานประจำกว่า 110,000 คนทั่วโลก เอบีเอ็น แอมโรนั้นเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ยูโรเน็กซ์ ลอนดอน และนิวยอร์ก
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
ชาร์ล สกีลเลส
+ 852 2700 5251 หรือ
บริษัท เวเบอร์ แชนด์วิค (ประเทศไทย) จำกัด
คุณลักษณ์พิไล วรทรัพย์ 02 2570300 ext. 312--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--