กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2555 บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ บริษัท JFE Steel Corporation หรือ JFE และ Marubeni-Itochu Steel Inc. หรือ MISI ได้ลงนามข้อตกลงหุ้นส่วนธุรกิจ (Partnership Agreement)
JFE และ MISI จะลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของเอสเอสไอรายละ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นวงเงินรวม 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในราคา0.68 บาทต่อหุ้น ตามแผนการจัดโครงสร้างการเงินแบบเบ็ดเสร็จของเอสเอสไอ
นอกจากนี้ JFE และ MISI จะลงทุนเพิ่มเติมใน บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) หรือ "TCR" ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนของเอสเอสไอ โดยซื้อหุ้นในส่วนที่เอสเอสไอ??ถืออยู่เป็นวงเงินรวมประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลังจากทำรายการแล้วเสร็จเอสเอสไอ และ JFE จะถือหุ้นใน TCR แห่งละร้อยละ 36.04 และ MISI ถือหุ้นร้อยละ 25.10 โดย JFE จะสนับสนุนด้านเทคนิค ให้ความช่วยเหลือและถ่ายทอดเทคโนโลยีที่สำคัญ ให้กับTCR เพื่อการผลิตและจำหน่ายเหล็กแผ่นรีดเย็นสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่กำลังเติบโตในประเทศไทย
และเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่าง JFE-MISI-SSI ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งสามบริษัทเห็นชอบให้ JFE สนับสนุนผลิตภัณฑ์เหล็กให้กับกลุ่มเอสเอสไออย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านวัตถุดิบ ให้กับกลุ่มเอสเอสไอ
ในขณะเดียวกัน JFE ตกลงที่จะสนับสนุน กลุ่มเอสเอสไอในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางด้านเทคนิค
จากความต้องการใช้เหล็กที่เติบโตในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ชั้นคุณภาพพิเศษในภูมิภาคสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ความร่วมมือของพันธมิตรธุรกิจนี้จะนำไปสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้นสู่ลูกค้าในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศไทยทำให้มีการใช้เหล็กชั้นคุณภาพพิเศษที่ผลิตได้ในประเทศมากขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าและอุตสาหกรรมในประเทศอีกด้วย
นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และ กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสเอสไอ เปิดเผยว่า การบรรลุข้อตกลงหุ้นส่วนธุรกิจนี้เป็นการกระชับความสัมพันธ์ของพันธมิตรธุรกิจที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นนี้รวมถึงพันธกิจระหว่างกันซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีขึ้น
“การเติบโตของเอสเอสไอมาจากสองส่วนหลัก ส่วนแรกคือการเชื่อมโยงขึ้นไปเหล็กต้นน้ำครบวงจร ซึ่งเริ่มต้นด้วยความ สำเร็จจากการกลับมาผลิตของโรงงานเอสเอสไอ ทีไซด์เมื่อต้นปี 2555 และได้สร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบให้กับธุรกิจของเรา ส่วนที่สองคือจากการเชื่อมโยงลงไปเหล็กปลายน้ำ ข้อตกลงหุ้นส่วนธุรกิจนี้จะสนับสนุนเราในด้านเทคโนโลยีและเปิดตลาดเหล็กชั้นคุณภาพพิเศษ เราวางรากฐานธุรกิจเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ดีขึ้น และช่วงชิงโอกาสจากการเติบโตของตลาดอาเซียนนี้” นายวินกล่าว