สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 5, 2012 10:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,711 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,684 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.75 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,900 บาท กับ 25,000 บาท และกลับมาปิดที่ 24,800 บาท กับ 24,900 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 4,6767คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 12,698 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 7 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 10% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 9 % Silver Futures เพิ่มขึ้น 0.9% GFZ12 ปิด 24,820 บาท และ GFG12 ปิด 24,970 บาท GF10Z12 ปิดที่ 24,9830 บาท GF10G12 ปิดที่ 24,970 บาท SVZ12 ปิดที่ 949 สัญญา Comex ปิดลดลง 40.3 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,675.20 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 1.391 ดอลลาร์ปิดที่ระดับ 30.857 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,336.30 ตัน (คงทองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 2.23 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดที่ระดับ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลดลง 139.46 จุด ปิดที่ 13,093.16 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 53 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest, CNBC และ Forexcrunch เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทองคำได้รับผลกระทบครั้งใหญ่ปรับตัวลดลงถึง 2% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลุดระดับ 1,700 เหรียญ และ 1,690 เหรียญลงมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ Non-Farm Payrolls ประจำเดือนตุลาคมออกมาดีเกินคาดที่ระดับ 171,000 ตำแหน่ง ซึ่งมีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 123,000 ตำแหน่ง โดยตัวเลขประจำเดือนกันยายนปรับทบทวนจากระดับ 114,000 ตำแหน่ง เพิ่มเป็น 148,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวลดลง 40.3 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,675.2 เหรียญ/ออนซ์ ด้วยปริมาณการซื้อขายสูงเหนือค่าเฉลี่ย 250 วัน แอน-ลอว์ เทร็มเบลย์ นักวิเคราะห์กลุ่มโลหะมีค่าจากบีเอ็นพี พาลิบาส กล่าวว่า ความจริงที่ตัวเลข Non-Farm Payrolls ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์อาจจะหมายถึงตลาดกำลังมุ่งประเด็นไปที่คำถามในเรื่องสัญญาของเฟดในการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป นอกจากนี้อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ (Unemployment Rate) ออกมาที่ระดับ 7.9% เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน 0.1% และไม่ใช่ตัวเลขที่น่าพึงพอใจนัก ดังนั้นดูเหมือนว่าเฟดจะยังคงมีการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไปในระยะสั้น อีกทั้ง เธอยังชี้แนะเพิ่มเติมว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำอาจเป็นการย้อนรอยเดิมก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงในปลายปีนี้ นายเจมส์ สตีล นักวิเคราะห์กลุ่มโลหะจาก HSBC ระบุว่า ตัวเลขที่ออกมาดีได้ลดความต้องการความเสี่ยงในทองคำ และในระดับราคาที่หลุดต่ำกว่า 1,700 เหรียญก่อให้เกิดการทำ Stop Selling และ Momentum Selling รวมไปถึงมีการปรับสภาพคล่องในสถานะ Long ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี อ้างอิงข้อมูลจาก CFTC ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา นักเก็งกำไรต่างๆ ได้ลดการถือครองสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สและสัญญา Options ของสหรัฐในสถานะ Long Position สุทธิเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันสู่ระดับ 149,853 คู่สัญญา เมื่อดูจากกราฟต่างๆ การปรับตัวลดลงอย่างมากของราคาทองคำในวันศุกร์ส่งผลให้ราคาลงมาต่ำกว่าระดับแนวรับ Fibonacci Retracement ที่สำคัญ และใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ซึ่งเป็นระดับที่ทรงตัวนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม สำหรับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทางด้านฝั่งยุโรปเมื่อวันศุกร์ ภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของสเปนประจำเดือนตุลาคมออกมาน่าผิดหวังที่ระดับ 43.5 ลดลงจากระดับเดือนกันยายนที่ 44.5 ในขณะที่ภาคการผลิตของอิตาลีออกมาที่ระดับ 45.5 ลดลงจากระดับ 45.7 ส่วนตัวเลขภาคการผลิตโดยรวมของทั้งยุโรปออกมาที่ระดับ 45.4 เพิ่มขึ้นมา 0.1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นางอังเกล แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้กล่าวว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปจะดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งยุโรปมีการดำเนินการแก้ไขไปในทางที่ถูกต้อง แต่ใครจะคิดว่าปัญหาเหล่านี้จะสามารถแก้ไขได้ภายในเวลา 1 ปีหรือ 2 ปี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลังต่างๆ ของกลุ่มผู้นำทางเศรษฐกิจทั้ง 20 ประเทศ หรือ G20 ได้กดดันสหรัฐอเมริกาให้ป้องกันสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ในเรื่องภาวะ Fiscal Cliff แม้ว่าบางประเทศยังคงมองว่าวิกฤตหนี้ยุโรปยังคงเป็นอันตรายคุกคามอันดับ 1 ก็ตาม นายแอนโทนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีของกรีซกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า การเจรจาในเรื่องที่กรีซจะออกจากยูโรโซนจะสิ้นสุดลง หลังจากที่มีการลงมติครั้งสำคัญในรัฐสภาในสัปดาห์นี้ในเรื่องมาตรการรัดเข็มขัด การปฏิรูปแรงงาน และงบประมาณปี 2013 โดยพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคจะส่งมอบแผนมาตรการต่างๆ ต่อรัฐสภาในวันจันทร์ และต้องมีการอนุมัติทั้งสองสิ่ง รวมไปถึงงบประมาณปี 2013 เพื่อยื่นขอความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ และสหภาพยุโรปที่จะเป็นการหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย ในสัปดาห์นี้ตัวกระตุ้นแรกที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะดำเนินในช่วงวันอังคารและวันพุธ โดยเป็นการลงสมัครครั้งที่สองของนายบารัก โอบามา เพื่อแข่งขันกับนายมิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิง โดยประเด็นที่เร่งด่วน ณ ขณะนี้ก็คือเรื่อง Fiscal Cliff ที่จะเป็นการปรับเพิ่มภาษีและลดการใช้จ่ายซึ่งจะเกิดขึ้นในปีหน้า หากทั้งสองพรรคการเมืองไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ ในขณะที่ผลสำรวจต่างๆ ล่าสุดที่ออกมาพบว่าทั้งคู่มีการแข่งขันที่สูสีกัน และมีโอกาสที่นายโอบามาจะชนะการเลือกตั้งผ่านการเลือกตั้งของวิทยาลัยโดยไม่ได้ชนะแบบ Popular Vote ซึ่งสิ่งนี้อาจก่อให้เกิดภาระในเรื่อง Fiscal Cliff ได้ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู. บุช ของสหรัฐกล่าวต่อที่ประชุมซึ่งจัดโดยองค์การธุรกิจในสาธารณรัฐโดมินิกันซึ่งมีนักธุรกิจกว่า 8,000 รายจาก 35 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุมว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะมีขึ้นจะเน้นไปที่เรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก สิ่งกระตุ้นในสัปดาห์นี้ต่อมาคือการเปลี่ยนแปลงผู้นำของจีน, เทศกาลดิวาลีของชาวฮินดู ซึ่งจะมีการกระตุ้นให้เกิดการเข้าซื้ออย่างมาก ส่วนทางฝั่งยุโรป ความหวังในข้อตกลงมาถึงและจากไปอย่างรวดเร็ว โดยกรีซไม่สามารถตกลงกับกลุ่มทรอยก้าและพรรคการเมืองต่างๆ ได้ เนื่องจากความต้องการจากกลุ่มทรอยก้าบางประการอาจไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ได้แก่ ISM Non-Manufacturing PMI ประกาศเวลา 22.00 น. ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 55.1 คาดการณ์ว่าจะออกมาแย่ลงที่ระดับ 54.6 ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Non-Farm Employment Change ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 114 K ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 123 K ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 171 K - Unemployment Rate ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 7.8 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 7.9% ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 7.9% ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ ISM Non-Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 52.2 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 52.0 % วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงตลาด COMEX ในคืนวันศุกร์ หลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% และตัวเลข Non-farm payrolls ประจำเดือนตุลาคมที่ออกมาดีกว่าที่คาด รวมไปถึงส่วนที่มีการทบทวนการจ้างงานในเดือนกันยายนดูจะปรับตัวดีขึ้น ทั้งหมดมีผลทำให้เกิดการเทขายในตลาดทองคำอย่างหนัก หลังจากที่ราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,700 เหรียญ จึงทำให้เกิดภาวะ Stop Selling มาโดยตลอด และนอกจากนั้นราคายังหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน ที่ระดับ 1,690 เหรียญลงมาด้วย ทำให้ภาพรวมแนวโน้มของราคาทองคำกลับสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ใช้ความพยายามที่จะขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนเพื่อที่จะปรับตัวเป็นขาขึ้น แต่ไม่สำเร็จในคืนวันพฤหัสบดี โดยราคาได้พยายามทดสอบแนวต้านสุดท้ายที่ระดับ 1,730 เหรียญ และไม่สามารถฝ่าทะลุขึ้นไปได้ และกลับปรับตกลงมา ทำให้ภาพรวมแนวโน้มของทิศทางราคาทองคำยังเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง การที่ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วันที่ระดับ 1,690 เหรียญ รวมไปถึงเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ระดับ 1,684 เหรียญ และลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 1,675.2 เหรียญ ณ ราคาปิดตลาด COMEX ในคืนวันศุกร์ ทำให้สภาพโดยรวมของตลาดทองคำยังถูกกดดันจากแรงเทขายอย่างหนัก ทั้งตลาด Options และตลาด Gold Futures โดยภาพรวมยังแนะนำให้ปรับ Portfolio ให้สมดุลกับสภาวะตลาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนักลงทุนที่ใช้ Margin ในการซื้อขายไม่ว่าจะเป็น Gold Futures หรือในสภาวะของทองคำแท่ง ขอให้ระมัดระวังและปรับลดพอร์ทลงมาเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพตลาดที่อาจจะมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และปัญหาของประเทศกรีซที่ยังไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ตัวนี้จะเป็นตัวกดดันทำให้เงินดอลลาร์เองยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้อีก Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,700 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,900 บาท Gold Futures G12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,850 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,050 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 920 บาท และแนวต้านที่ระดับ 960 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในทิศทางขาลงในกรอบ 1,670 — 1,685 เหรียญ นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ปรับลดพอร์ทลงมา โดยเป็นการตั้ง Stop Loss ตั้งแต่วันศุกร์ คงจะลดพอร์ทลงมาเหลือ 10% เท่านั้นหาจังหวะการปิดสถานะ Long Position เนื่องจากสภาวะตลาดเข้าสู่แนวโน้มขาลง นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ปรับลดสถานะลงเช่นเดียวกัน ยังไม่แนะนำให้ช้อนซื้อในขณะนี้ ลด Portfolio เหลือเพียง 20-30% ขอเน้นย้ำว่า ยังไม่แนะนำให้ลูกค้าทำการช้อนซื้อเฉลี่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเฉลี่ยขาดทุน บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ