กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ หรือ IFEC (ไอเฟค) ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2555 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 23.41% ส่วนงวด 9 เดือน กำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 160.37% เผยรายได้จากการขายและการบริการยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ชี้หลังประกาศความร่วมมืออย่างแนบแน่นกับ “โคมิก้า มินอลต้า” ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะการผลักดันแคมเปญการตลาด Speed Up Your Business with Konica Minolta by ifec ที่ช่วยภาคธุรกิจลดต้นทุนด้านเอกสาร ยิ่งสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง เผยบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ0.05 บาท
นายณรงค์ เตชะไชยวงศ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC (ไอเฟค) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องดิจิทัล มัลติฟังก์ชั่น “โคนิก้า มินอลต้า” รายเดียวในประเทศไทย เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ระหว่างเดือนกรกฎาคม — กันยายน 2555 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 170.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรสุทธิ 28.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.46 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23.41% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 23.33 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว พบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 8.74% โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 7.58 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.72%
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2555) บริษัทฯ มีรายได้รวม 590.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.74% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม 451.87 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 55.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.15 ล้านบาทหรือคิดเป็น 160.37%
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยกำหนดปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2555 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ ได้ดำเนินนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยในปี 2555 ได้มีการจ่ายปันผลตั้งแต่ต้นปีให้กับผู้ถือหุ้นไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท
“ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในต่างประเทศ ที่หลายๆ ประเทศประสบปัญหาวิกฤติหนี้ โดยเฉพาะในยุโรป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัด ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและขยายธุรกิจของภาคเอกชน ซึ่งเชื่อว่า การที่ IFEC ยังคงรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิไว้ได้ในภาวะเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากการเดินหน้าทำการตลาดอย่างจริงจังในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นลูกค้าองค์กร รวมถึงการเดินหน้าแคมเปญการตลาดและการจัดกิจกรรมกับคู่ค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่อง” นายณรงค์กล่าว
ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับด้วยว่า การประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แนบแน่นและมีแผนการตลาดอย่างชัดเจนระหว่าง IFEC กับโคนิก้า มินอลต้า ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ มากขึ้น โดยเฉพาะทิศทางและนโยบายการทำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “โคนิก้า มินอลต้า” ที่ได้ใช้กลยุทธ์ GIVING SHAPE TO IDEA ในการผลักดันความสำเร็จด้านยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นนั้น ได้มีการนำเสนอนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ที่มีความเร็วสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการทำงานด้านเอกสารให้กับภายในองค์กรธุรกิจต่างๆ ได้มากขึ้น
“แนวทางการทำตลาดของโคนิก้า มินอลต้า ประเทศญี่ปุ่นสอดคล้องกับแผนการตลาดของ IFEC ที่ต้องการกระตุ้นให้องค์กรภาคธุรกิจได้เร่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน รองรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจ โดยเราได้ผลักดันแนวคิด Optimizes Print Service (OPS) เข้าไปช่วยจัดการงานด้านเอกสารภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างดี ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้จัดแคมเปญ Speed Up Your Business with Konica Minolta by ifec เพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนด้านงานเอกสารภายในองค์กร นอกจากนี้ บริษัทฯ จะร่วมทำงานกับลูกค้าในการให้คำปรึกษา วิเคราะห์ประเมินระบบและความต้องการของผู้ใช้งาน วางแผนการติดตั้ง รวมถึงการจัดการเครื่องดิจิทัลมัลติฟังก์ชั่นอย่างเป็นระบบ ทั้งในด้านอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพดีเหมาะสม ใช้พลังงานน้อย และไม่ก่อมลภาวะต่อสุขภาพผู้ใช้ ตลอดจนด้านซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการจากส่วนกลางที่ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อว่า จากแนวทางการทำตลาดทั้งหมด จะส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้รักษาระดับการเติบโตไว้อย่างน่าพอใจในอนาคต” ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IFEC กล่าว