ฟิทช์ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ DTAC เป็นบวก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 6, 2012 09:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คแซสคอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เป็นบวก จากมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของ DTAC ที่ ‘BBB-’ อันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (Long-Term Local-Currency Issuer Default Rating) ที่ ‘BBB-’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘A+(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1 (tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันที่ ‘A+(tha)’ การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก สะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ที่ว่ากฎระเบียบและนโยบายของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย น่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากมีการประมูลคลื่นความถี่ 3G ในวันที่ 16 ตุลาคม 2555 ซึ่งจะทำให้ DTAC สามารถเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจและย้ายฐานลูกค้าไปยังระบบใบอนุญาต ซึ่งมีความเสี่ยงด้านนโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบ น้อยกว่าหากเปรียบเทียบกับการดำเนินงานภายใต้ระบบสัมปทาน ปัจจุบัน DTAC ดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้ระบบสัญญาสัมปทาน ซึ่งมีความไม่แน่นอนด้านนโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบ ซึ่งได้แก่ การสอบสวนการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอายุสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุลง ฟิทช์มองว่าการจัดสรรคลื่นความถี่น่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายของ DTAC เพื่อรองรับการเติบโตของความต้องการการสื่อสารด้านข้อมูลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile data traffic) ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ฟิทช์คาดว่ารายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-voice revenue) ของอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับ 30%-35% ต่อปีในช่วง 2 ปีข้างหน้า โดยแนวโน้มการเติบโตของรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช่เสียงที่สูง น่าจะช่วยลดผลกระทบจากการเติบโตที่ต่ำของรายได้จากบริการในรูปแบบเสียง อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่า ยังมีความเสี่ยงการฟ้องร้องและการสอบสวน ต่อขั้นตอนการประมูลคลื่นความถี่และราคาที่ประมูลได้ เนื่องจากมีการวิภาควิจารณ์ในวงกว้างว่ากฎระเบียบที่ใช้ในการประมูลส่งผลให้การแข่งขันในการเสนอราคาอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งทำให้ราคาที่ประมูลได้ของคลื่นความถี่อยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับราคาเริ่มต้นประมูล ฟิทช์เชื่อว่าหากมีการออกใบอนุญาต 3G ให้แก่ผู้ประกอบการ และความไม่แน่นอนในเรื่องผลกระทบจากการฟ้องร้องและการสอบสวนต่อขั้นตอนการประมูลมีความชัดเจนขึ้น น่าจะช่วยลดความกังวลดังกล่าวได้ ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนกำไรของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อาจปรับตัวลดลงในช่วง 2 ปี ข้างหน้า เนื่องจากการแข่งขันที่คาดว่าจะสูงขึ้น ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่น่าจะพยายามย้ายการให้บริการและฐานลูกค้า ไปยังระบบ 3G ให้เร็วที่สุด ดังนั้นฟิทช์คาดว่าผู้ให้บริการน่าจะมีแข่งขันในการเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อจูงใจลูกค้ารายเก่าและลูกค้ารายใหม่ ให้ย้ายไปยังระบบ 3G อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่น่าจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวจากค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ลดลง หลังจากที่ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ย้ายไปยังเครือข่ายใหม่ ค่าใบอนุญาตที่สูงและเงินลงทุนเพิ่มเติมสำหรับการก่อสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G อาจทำให้หนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินของ DTAC เพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า แต่ฟิทช์มองว่า กระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอันดับเครดิตปัจจุบันของ DTAC และ น่าจะช่วยลดทอนผลกระทบจากกระแสเงินสดที่คาดว่าจะติดลบจากการลงทุนที่สูงในช่วงเวลาดังกล่าว โดย ณ สิ้นไตรมาสที่สาม ของปี 2555 DTAC มีอัตราส่วน Funds flow from operations-adjusted net leverage อยู่ที่ 0.68 เท่า ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยที่อาจส่งผลอันดับเครดิตถูกปรับเพิ่ม - การเปลี่ยนผ่านไปยังระบบสัมปทานที่ราบรื่น - การรักษาอัตราส่วน Funds flow from operations-adjusted net leverage ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 2.5 เท่า อย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่อาจส่งผลให้แนวโน้มอันดับเครดิตถูกปรับเป็นมีเสถียรภาพ - ความไม่แน่นอนจากการฟ้องร้องต่อขั้นตอนการประมูลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลในแง่ลบต่อกระบวนการย้ายการดำเนินการและย้ายฐานลูกค้าของ DTAC ไปยังระบบใบอนุญาต หรือนำไปสู่การยกเลิกการประมูล หรือทำให้กระบวนการจัดสรรคลื่นความถี่ล่าช้าออกไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ