สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 6, 2012 10:35 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,680 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,683 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.78 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,450 บาท กับ 24,550 บาท และกลับมาปิดที่ 24,450 บาท กับ 24,550 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 7,470 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 21,981 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 30 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 9.8 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 3.8 % Silver Futures เพิ่มขึ้น 1.8 % GFZ12 ปิด 24,820 บาท และ GFG12 ปิด 24,940 บาท GF10Z12 ปิดที่ 24,810 บาท GF10G12 ปิดที่ 24,940 บาท SVZ12 ปิดที่ 961 บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,683.20 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 27.10 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 31.128 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,332.38 ตัน (ขายออก 3.92 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 79เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 85.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดบวก 19.28 จุด ปิดที่ 13,112.44 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 54 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ จากการเข้าซื้อและการทำ Short-covering โดยมีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ โดยสัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวสูงขึ้น 8 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,683.2 เหรียญ/ออนซ์ โดยมีการเคลื่อนไหวในกรอบ 1,672.5 — 1,686.2 เหรียญ ด้วยปริมาณการซื้อขายประมาณ 30% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 250 วัน ลอนดอน เบส โบรกเกอร์ ไทรแลนด์ เมเทิลส์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้เป็นวันที่เงียบเหงาสำหรับตลาดทองคำ เนื่องจากทองคำอยู่ในภาวะ consolidation หลังจากที่มีเทขายอย่างหนักในวันศุกร์ โดยปริมาณความต้องการทองคำเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำได้เพียงขยับขึ้นมาบนชั้นแนวรับอีกระดับของการฟื้นตัว ทั้งนี้ แนวรับจะอยู่ช่วงบริเวณ 1,665 — 1,670 เหรียญ ในขณะที่แนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1,700 เหรียญ คอมเมิร์ซแบงก์ กล่าวว่า เมื่อเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ ราคาทองคำมีการฟื้นตัวอย่างยากลำบากหลังจากที่ราคาดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวัน ศุกร์จากผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีส่งผลให้สกุลเงิน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจุดสนใจ ณ ขณะนี้มาอยู่ที่ทำเนียบขาวที่จะมีการทดสอบความเชื่อมั่นระหว่างพรรคเดโมแคร ตและพรรครีพับลิกันนั่นเอง เฮราอุส กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาเป็นบวกไม่ว่าจะในระดับใดได้กระตุ้นให้การแข่งขันระหว่างนายบารัค โอบามา และนายรอมนีย์มีคะแนนที่สูสีกัน ซึ่งนักลงทุนต่างจับตารอผลของการเลือกตั้งและผลกระทบที่จะเกิดกับตลาด การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ ISM non-manufacturing PMI ประจำเดือนตุลาคมออกมาที่ระดับ 54.2 ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 54.6 ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางกว่าปกติในช่วงวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งตลาดการเงินต่างๆ จะจับตาอย่างใกล้ชิด ด้วยการที่นายบารัก โอบามา ดูเหมือนจะมีการสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า ในขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า นายมิตต์ รอมนีย์ ดูจะไม่ชื่นชอบการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติมเท่าไรนัก นั่นหมายถึง หากนายโอบามาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า ทีมของนายรอมนีย์ซึ่งชนะเลิศทางด้านความรับผิดชอบทางการคลังและไม่เชื่อกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดอาจจะไม่เสนอชื่อนายเบน เบอร์นันเก ให้เป็นประธานเฟดในสมัยที่ 3 ในปี 2014 ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งจะมีการบอกนัยสำคัญถึงการที่สหรัฐจะทำอย่างไรกับภาวะ Fiscal Cliff ซึ่งจะมีการตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐบาลมูลค่า 6 แสนล้านดอลลาร์ และเพิ่มภาษีที่จะมีผลในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า UBS กล่าวในบันทึกข้อความว่า ผลของการแบ่งแยกสภาคองเกรสและความขัดแย้งในเรื่อง fiscal cliff จะเป็นตัวสนับสนุนราคาทองคำ ทางฝั่งยุโรป รัฐบาลกรีซได้มีการเสนอแผนรัดเข็มขัดชุดใหม่ต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ ซึ่งรัฐบาลกรีซคาดหวังให้แผนผ่านรัฐสภาทั้ง 2 ครั้ง และรัฐมนตรีกรีซรายหนึ่งได้กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC ว่า การเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ในครั้งวนี้จะสิ้นสุดการพูดถึงเรื่องที่กรีซจะออกจากยูโรโซน ในขณะเดียวกันการประท้วงแผนรัดเข็มขัดกรีซก่อตัวรุนแรงขึ้น โดยกลุ่มผู้ประท้วงมีการเริ่มต้นการประท้วง 48 ชั่วโมงในวันนี้ โดยผู้กำหนดกฎหมายต้องอนุมัติเพื่อรับประกันการช่วยเหลือเพิ่มเติมและหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย ส่งผลให้สกุลเงินยูโรในเช้านี้อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 สัปดาห์จากความกังวลในเรื่องกรีซ ปริมาณความต้องการทองคำแท่งดูจะดีขึ้นหลังจากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาล่าสุด โดยในเดือนกันยายนฮ่องกงมีการส่งทองคำไปยังจีนเพิ่มขึ้น 23% เมื่อคิดเป็นรายปีสู่ระดับ 69.711 ตัน เนื่องจากปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้นก่อนช่วงเทศกาลวันหยุด ทั้งนี้ ปริมาณการส่งออกทั้งหมดลดลง 13% เมื่อคิดเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนไม่ได้ตีพิมพ์ข้อมูลการซื้อขายทองคำ ปริมาณการส่งทองคำจากฮ่องกงไปยังจีนได้ช่วยประเมินการซื้อขายทองคำของจีน ซึ่ง ณ ขณะนี้จีนกำลังเตรียมความพร้อมที่จะไล่ตามทันอินเดียในการที่จะเป็นผู้บริโภคทองคำอันดับหนึ่งของโลกในปีนี้ ปริมาณการถือครองทองคำของกองทุน Gold ETFs อยู่ที่ระดับ 75.074 ล้านออนซ์ในวันที่ 4 พฤศจิกายน ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 75.086 ล้านออนซ์ที่ทำไว้เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม ส่วนในปลายสัปดาห์นี้ พรรคคอมมิวนิสต์ของจีนจะเริ่มต้นการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคทั่วประเทศครั้งที่ 18 โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงถ่ายทอดอำนาจจากคณะผู้นำสูงสุดชุดเดิมสู่ชุดใหม่ ทั้งนี้หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการนี้ รองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนรองนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง (Li Keqiang) ก็จะเข้านั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี สืบแทนประธานาธิบดี หู จิ่นเทา (Hu Jintao) และนายกรัฐมนตรี เวิน เจียเป่า (Wen Jiabao) ตามลำดับ โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2013 และนอกจากนี้ในวันพฤหัสบดี จะมีการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าอีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ระดับ 0.75% ในขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษจะมีการประชุมในวันเดียวกันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีการประกาศอะไรใหม่ๆ ออกมา ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน ISM Non-Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 55.1 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 54.6 ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 54.2 ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้าๆ จากแรงซื้อ Short-covering เข้ามาทำให้ราคาเคลื่อนตัวอยู่บริเวณ 1,675 เหรียญ และสามารถดีดตัวขึ้นไปเหนือระดับ 1,680 เหรียญได้ โดยปิดตลาด COMEX ที่ระดับประมาณ 1,683.2 เหรียญ โดยที่กองทุน SPDR เมื่อวานนี้มีการเทขายออกมาประมาณ 3.9 ตัน ในขณะที่วันศุกร์ไม่ได้มีการซื้อขายใดๆ เมื่อวานโดยภาพรวมทางข่าวเศรษฐกิจวันนี้จะไม่มีตัวเลขใดๆ ในขณะที่ตัวเลขเมื่อวาน ISM Non-Manufacturing PMI ออกมาแย่ลงกว่าที่คาดเล็กน้อย โดยภาพรวมช่วงบ่ายค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เงินยูโรดอลลาร์เองหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1.2830 ดอลลาร์/ยูโร ลงมา ทำให้ร่วงลงมาบริเวณ 1.2785 ดอลลาร์/ยูโรโดยประมาณ และเป็นตัวกดดันให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าขึ้นเมื่อวานเกือบ 5 สตางค์ จากระดับ 30.77 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 30.83 บาท/ดอลลาร์ ทำให้โดยภาพรวมทิศทางของเงินดอลลาร์ยังเป็นทิศทางแข็งค่าขึ้น โดยเงินยูโรดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากประเทศกรีซที่ต้องรอการประชุมในวันพุธ วิเคราะห์ทางเทคนิคได้ว่าราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปชนแนวต้านที่ระดับ 1,730 เหรียญแล้วไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และปรับตัวลงอย่างรุนแรงในวันศุกร์ ซึ่งยังส่งผลทำให้ภาพรวมทิศทางราคาทองคำยังจะต้องปรับตัวต่อเนื่องในระยะยาวก่อนที่จะทะลุแนวต้านกลับขึ้นมาเหนือระดับ 1,730 เหรียญได้ การคาดหวังราคาทองคำในช่วงสิ้นปีจากเดิมที่ระดับ 1,800 เหรียญ อาจจะต้องปรับการคาดการณ์ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,750 เหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ดีในระยะยาวยังมองว่าเงินดอลลาร์น่าจะอ่อนค่าลง โดยขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ถ้านายโอบามาชนะการเลือกตั้งก็คงจะดีต่อตลาดโดยทั่วไป แต่ตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวลดลงเนื่องจากการขึ้นภาษี ตลาดทองคำก็จะดีเช่นกันเนื่องจากมีมาตรการ QE3 ในขณะที่ถ้านายรอมนีย์ชนะการเลือกตั้ง ประธานฝ่าย Economics ไม่ค่อยมีความเห็นตรงกันกับนายเบอร์นันเก อาจจะส่งผลให้ไม่ต่ออายุนายเบอร์นันเกในเดือนมกราคมปี 2014 แต่โดยภาพรวมนโยบายเศรษฐกิจของทั้งสองพรรคดูจะค่อนข้างแตกต่างกัน ซึ่งในระยะสั้นถ้านายรอมนีย์มาจะทำให้ระบบการเก็บภาษีเปลี่ยนแปลงซึ่งน่าจะส่งผลลบต่อตลาดทองคำ แต่อาจจะดีต่อตลาดหุ้นถ้าไม่ขึ้นภาษี อย่างไรก็ตามในระยะปานกลางผลจาก Fiscal Cliff จะยังกดดันและเป็นผลบวกต่อราคาทองคำเนื่องจากการขึ้นภาษีและการลดค่าใช้จ่ายในภาครัฐบาลลงเพื่อลดยอด Trade Deficit ฉะนั้นในระยะยาวน่าจะส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง สำหรับราคาทองคำจะมีแนวรับสำคัญถัดไปที่ระดับ 1,670 เหรียญตามที่ได้วิเคราะห์ไปแล้ว แนวต้านด้านบนอยู่ที่ระดับ 1,690 เหรียญและ 1,700 เหรียญตามลำดับ โดยจะมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางจากการที่ค่อยๆ ขยับขึ้นมา Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,720 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,920 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,830 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,030 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 980 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,675 — 1,685 เหรียญ ยังคงแนะนำให้เป็นการทยอยขายทำ Short Position บริเวณแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,685 เหรียญขึ้นไป นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ยังแนะนำให้ลดพอร์ทต่อเนื่อง และรอจังหวะช้อนซื้อบริเวณแนวรับสำคัญกลับเข้ามาใหม่ โดยให้ทำการขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น เป็นการขายเพื่อลดพอร์ทและซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังคงหาจังหวะขายและซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น ถือครองพอร์ทประมาณ 30% บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ