กรุงเทพฯ--7 พ.ย.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นไปอีกหนึ่งโครงการ สำหรับ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ที่ได้ฤกษ์ประกาศผลผู้ชนะเลิศคว้าตำแหน่งคนรุ่นใหม่สุขภาพดีแห่งปี ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 กับโครงการอลิอันซ์ อยุธยา เฮลท์ตี้ แชมป์เปี้ยน อีกหนึ่งสุดยอดแคมเปญเพื่อตอกย้ำจุดยืน “การบริการเป็นเลิศ” โดยจัดร่วมกับโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล พหลโยธิน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สุขทั้งกาย สบายทั้งใจ” ด้วยทฤษฎี 3 อ คือ อาหาร อารมณ์ และ ออกกำลังกาย ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการเชิญชวนลูกค้าอายุระหว่าง 30 — 60 ปี ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ มาปฏิบัติภารกิจพิชิตฝันก้าวสู่วิถีแห่งการมีสุขภาพที่ดี ด้วยการเข้าคอร์สปฏิวัติสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาล เปาโล เมโมเรียล พหลโยธิน ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 เดือน ผู้ชนะเลิศคือผู้ที่สามารถฟื้นฟูจากสุขภาพที่ไม่ดีให้กลายเป็นผู้มีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและวัดผลได้ โดยวัดจาก น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย น้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือด
นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารองค์กร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า โครงการ “อลิอันซ์ อยุธยา เฮลท์ตี้ แชมป์เปี้ยน” นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากสำหรับกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นปีแรก มีลูกค้าให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันเกินความคาดหมาย มีผู้สมัครเข้าแข่งขันรวมกว่า 80 ราย จากการแข่งขัน 2 กลุ่มอายุ คือ กลุ่มอายุ 30-45 ปี และกลุ่มอายุ 46-60 ปี โดยผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะได้ร่วมกิจกรรมมากมายที่โรงพยาบาลจัดให้ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรงรอบด้านแบบยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สุขทั้งกาย สบายทั้งใจ” เป็นโครงการที่มีระยะเวลาถึง 3 เดือน (1 สิงหาคม — 31 ตุลาคม 2555) มีกิจกรรมที่ต้องเข้าร่วมอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งกิจกรรมทุกครั้งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 85% แสดงให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านให้ความสำคัญและมีความตั้งใจอยากจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นจริงๆ ซึ่งเราเชื่อว่าความตั้งใจนี้จะทำให้พวกเขาเหล่านั้นสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และนำไปบอกต่อๆ กันไป จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างหันมาสนใจและให้ความสำคัญในการปฏิบัติตนเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น
นางบุบผา ภู่ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล พหลโยธินเปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโครงการประเภทนี้ และมีหน้าที่หลักในการออกแบบกิจกรรมเพื่อที่จะส่งเสริมสุขภาพที่ดีรอบด้านแบบยั่งยืน ด้วยทฤษฎี 3 อ คือ อาหาร อารมณ์ และ ออกกำลังกาย ในเบื้องต้นผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะต้องมีปัญหาด้านสุขภาพข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ ผู้ชายมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ผู้หญิง รอบเอวเกิน 80 ซม. ความดันโลหิตสูงกว่าเกณฑ์และไม่ได้รับประทานยา ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 23.0 น้ำตาลในเลือดสูงกว่า 100 และไม่ได้รับประทานยา ไขมันในเลือด (Cholesterol) สูงกว่า 200 ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะได้เข้าร่วมกิจกรรมมากมายเป็นระยะเวลา 3 เดือน จำนวน 6 ครั้ง แต่ละครั้งจะเป็นการให้สาระความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เริ่มตั้งแต่การตรวจสุขภาพพื้นฐานก่อนเข้าคอร์ส การอบรมเกี่ยวกับความรู้ในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเรา และการทำอารมณ์และจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส เป็นต้น สำหรับภารกิจแต่ละสัปดาห์ ก็จะหลากหลายแตกต่างกันไป เช่น สัปดาห์แรก กิจกรรม Getting to Know you ประเมินภาวะสุขภาพเบื้องต้น สัปดาห์ที่ 2 Eating My Calories การเลือกอาหารประจำวันและจดบันทึกปริมาณอาหารที่รับประทาน ตามด้วยกิจกรรมออกกำลังกายแบบง่ายๆด้วยการใช้ผ้าขนหนู และฝึกอารมณ์ให้แจ่มใส สัปดาห์ที่ 3 Aerobic & Dancercise เต้นรำสนุกๆ ตามด้วยกิจกรรม Shopping & Cooking วิธีการดูฉลากคุณค่าโภชนการทางอาหาร และการเลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารอย่างถูกต้อง ปิดท้ายด้วยการหัดทำสมาธิพร้อมเทคนิคแบบง่ายๆ ไม่ให้หลับ โดยทุกกิจกรรมมีผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอ นักวิชาการ และนักโภชนากร คอยดูแลอย่างใกล้ชิด และกิจกรรมสุดท้ายคือตรวจสุขภาพอีกครั้งก่อนจบการแข่งขัน ผู้ชนะเลิศคือผู้ที่สามารถฟื้นฟูจากสุขภาพที่ไม่ดีให้กลายเป็นผู้มีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและวัดผลได้ โดยใช้ตัวชี้วัด อาทิ น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย น้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือด ซึ่งเห็นผลมากกว่าการแข่งขันการลดน้ำหนักทั่วๆ ไป
“โครงการนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมากผู้เข้าร่วมโครงการ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นโครงการที่สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แถมยังได้รับความสนุกสนาน ที่สำคัญผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านสามารถลดน้ำหนักและดัชนีมวลกายได้ทุกคน โดยทั้งโครงการวัดผลได้ดังนี้ น้ำหนักทั้งหมดลดได้ 165.20 กิโลกรัม รอบเอวลดได้ 272 เซ็นติเมตร รวมถึงทุกท่านมีสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าเป็นโครงการเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงเป็นมากกว่าเรื่องของการลดความอ้วนหรือลดน้ำหนักในแบบที่เคยนิยมทำกัน เชื่อว่าการพัฒนาตนเองให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นจะเป็นแรงบันดาลให้ผู้ร่วมกิจกรรมนำหลักการรักษาสุขภาพดีที่ได้เรียนรู้ไปปฏิบัติในการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคต เพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนตลอดไป” นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย