กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--
“เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” หนุ่มฮอตที่กำลังมีผลงานหนังเรื่องล่าสุด “เขาเรียกผมว่าความรัก” และชอบใช้เวลาว่างกับกีฬาอินเทรนด์ปีนเขาที่เจ้าตัวเลิฟสุดๆ ล่าสุดหนุ่มเท่ “เป้ อารักษ์” สะพายกล้องท่อง ‘น่าน’ กับทริปสุดกรีนของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่เน้นเรียนรู้และเที่ยวแนวอนุรักษ์ 7 รูปแบบกรีนเวย์ส ‘เที่ยวทั่วไทย หัวใจสีเขียว’ ตอน ‘อยู่ น่าน นาน นาน นะ’ พาซึมซับความเป็นน่านชนิดเต็มอิ่มจากคนท้องถิ่น ชมศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของล้านนา บุกป่าขึ้นเขาเปิดประสบการณ์ทำชาเมี่ยงแบบต้นตำหรับ พร้อมเต็มอิ่มกับอาหารเหนือแบบขันโตก
งานนี้หนุ่ม ‘เป้’ หิ้วกล้องพร้อมเกี่ยวก้อยคนรุ่นใหม่กว่า 40 ชีวิต นมัสการ พระธาตุแช่แห้ง วัดคู่บ้านคู่เมือง และเยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ศูนย์รวมภูมิหลังเมืองน่าน ทั้ง หลักศิราจารึก งาช้างดำ สัปคับ หีบพระธรรม การแสดงวีถีชีวิต ศิลปะ ประเพณีความเชื่อ เครื่องมือเกษตร เงินตรา ผ้าพื้นเมือง และกฎหมายเมืองน่าน จากนั้นนั่งรถรางตะลอนทัวร์ศิลปกรรมล้านนา 9 วัด ทั้ง วัดน้อย วัดหัวข่วง พระธาตุวัดช้างค้ำวรวิหาร วัดมิ่งเมือง วัดศรีพันต้น วัดมงคล วัดมหาโพธิ์ วัดสวนตาล ที่ยังคงมีต้นตาลหลงเหลืออยู่บ้าง และที่พลาดไม่ได้คือ วัดภูมินทร์ ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องจิตกรรมฝาผนังสุดคลาสสิกภาพกระซิบรักบันลือโลกของ ‘ปู่ม่าน-ย่าม่าน’ ถือเป็นบุญที่ได้เห็นกับตาตัวเองต้องขอยกนิ้วให้กับความงดงาม จากนั้นเคลื่อนพลไป หมู่บ้านไทลื้อ เรียนรู้กระบวนการผลิตสาหร่ายน้ำจืดทอดกรอบ ซึ่งอุดมด้วยวิตามินที่ชาวไทลื้อหาได้ตามฤดูกาลในแม่น้ำน่านจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปสร้างชื่อสืบทอดหลายช่วงอายุคนในกลุ่มแม่บ้าน นอกจากนี้ยังได้ลิ้มลองหัด ‘ทอผ้า’ กับกลุ่มแม่จันทร์โสม ชาวบ้านฝีมือเป๊ะจากชุมชนวัดหนองบัว ซึ่งยากแต่ ‘เป้’ กดไลค์ขอบอกว่าชอบมากก ช่วงเย็นยังแวะเสพงานอาร์ตแสนสวย ณ หอศิลป์ริมน่าน แหล่งรวมงานศิลปะร่วมสมัยและแหล่งเรียนรู้งานศิลปะที่สำคัญ ซึ่ง อ.วินัย ปราบริปู ก่อตั้งให้เด็กและเยาวชนรวมถึงประชาชนทั่วไปได้ศึกษาหาความรู้งานศิลปะ ทั้งผลงานของศิลปินระดับชาติและศิลปินชั้นเยี่ยมไปพร้อม กับคนเมืองอย่างกว้างขวาง เต็มอิ่มกับศิลปะตกค่ำจึงเบรกท้ายวันด้วยขันโตกแสนอร่อยท่ามกลางการแสดงพื้นเมือง โดยหนุ่ม ‘เป้’ โดดแจมเพลงเมืองร่วมกับวงซะล้อซอซึงและพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยซึ่งทำพิธีบายศรีผูกข้อมือให้อย่างสนุกสนาน ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้นต้องเติมพลังด้วยอาหารตากับการล่องเรื่อยาวริมน้ำน่านและซัดอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่ออย่างข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง และเมนูเด็ด ข้าวเหนียวไก่ทอดมะแข่วน(เครื่องเทศชูรสกลมกล่อมเพิ่มความหอม) เรียกว่าจัดหนักชุดใหญ่ตั้งแต่มื้อเช้าเพราะรถเข้าไม่ถึงต้องเดินเท้าบุกป่าฝ่าดงข้ามลำธารไปยังเขาป่าเมี่ยงและน้ำตกห้วยหลวง เพื่อสำรวจทำความรู้จักกับเส้นทางธรรมชาติ เรียกว่าแอดเวนเจอร์ถูกใจหนุ่ม ‘เป้’ ตลอดทางแม้จะมีทั้งทางชั้นชนิดขึ้นเขา และทางลาดแบบลุยห้วย แต่ก็มันส์มากจนสู้ไม่ถอย เพราะสองฝั่งทางมีเต็มไปด้วยต้นชาเมี่ยงชูยอดออกใบเขียวขจี แถมยังมีดอกสีขาวตัดกับเกษรเหลืองส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ อีกทั้งป่าต้นน้ำน่านก็อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยต้นใหญ่หลายคนโอบอายุเกือบพันปีที่ชาวชุมชนช่วยกันบวชป่า รวมถึงอนุรักษ์พืชไม้เลื้อย กล้วยป่าและเห็ดนานาพรรณ แถมผีเสื้อยังคอยบินเพิ่มสีสันตัดกับไม้ใบเขียว ว้าวววว...ธรรมชาติสุดๆ พอตะวันตรงหัวก็ตั้งวงปรุงมื้อเที่ยงกันกลางป่าด้วยวิธี หลาม(หุง-ต้มอาหารในกระบอกไม้ไผ่) กับเมนูหลามปลี(ทำจากหัวปลี) หลามผักกูด หลามข้าว และยำใบเมี่ยง ซึ่งทุกเมนูล้วนมาจากพืชผักที่ได้จากป่าทำเอาอร่อยลิ้นไปอีกแบบ ช่วงบ่ายลุยต่อลัดเลาะสวนทางน้ำรับความสดชื่นกันที่ น้ำตกห้วยหลวง น้ำใส่แถมยังเย็นมาก...ว๊ากกก จากนั้นจึงลุยต่อที่ศูนย์ผลิตชาเมี่ยงหมู่บ้านศรีนาป่าน-ตาแวน ซึ่งใบเมี่ยงแก่ที่เก็บมาได้ชาวบ้านจะนำมาเรียงซ้อนกันมัดเป็นปึกแล้วนำไปสู่กระบวนการนึ่งด้วยเตาฟืนที่ก่อขึ้นเอง
จากภูมิปัญญาชาวบ้าน เมื่อนึ่งสุกนำไปผึ่งให้แห้งแล้วนำไปหมักในโอ่งเก็บไว้กินและส่งขายเพิ่มมูลค่าได้ตลอดปี ส่วนยอดชาเมี่ยงอ่อนสดนำไปคั่วไฟให้ได้กลิ่นหอมและตากอีกสองสามแดดใช้ชงดื่มเรียกว่า ‘ชาขาว’ แต่ถ้าใช้ใบแก่จะได้ ‘ชาแดง’ ที่มีสีและรสชาติเข้มขึ้นอีกระดับ ทำให้นักท่องเที่ยวติดใจอุดหนุนติดไม้ติดมือเป็นของฝากยอดนิยม ก่อนจะพักผ่อนนอนเต็นท์อิงแอบไอหมอกธรรมชาติที่ ‘ภูเสี่ยวขาว รีสอร์ท’ แอ่วเมืองนานครั้งนี้ต้องบอกว่า…ศิลปะงดงาม ธรรมชาติและต้นน้ำอุดมสมบูรณ์ ชาเมี่ยงรสเยี่ยม สมคำล่ำลือจริงๆ อยากให้ลองหาโอกาสมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต!