สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 9, 2012 10:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,718 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,716 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.73 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,950 บาท กับ 25,050 บาท และกลับมาปิดที่ 24,900 บาท กับ 25,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 5,838 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 12,610 คู่สัญญา และSilver Futures อยู่ที่ 129 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.1 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 2.2 % Silver Futures เพิ่มขึ้น 4.8 % GFZ12 ปิด 25,190 บาท และ GFG12 ปิด 25,320 บาท GF10Z12 ปิดที่ 25,180 บาท GF10G12 ปิดที่ 25,310 บาท SVZ12 ปิดที่ 980บาท สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 12 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,726 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 57.9 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 32.24 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,339.61 ตัน (ซื้อเข้า 2.41 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 65 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 85.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดลบ 121.41จุด ปิดที่ 12,811.32 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 54 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC เมื่อวานนี้ราคาทองคำใช้เวลาตลอดทั้งวันโดยไม่มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด มีการปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการรอความชัดเจนว่าสหรัฐจะทำอย่างไรกับภาวะ Fiscal Cliff ที่เริ่มปรากฏขึ้นลางๆ หลังจากที่ได้รับการยืนยันถึงสถานะของประธานาธิบดี และนอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ทั้งนี้สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธันวาคมปรับตัวสูงขึ้น 12 เหรียญ ปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,726 เหรียญ/ทรอยออนซ์ ราคาทองคำขยายพื้นที่การปรับตัวสูงขึ้น 10 เหรียญไปสู่ระดับ 1,734 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม หลังจากที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐระบุว่า อิหร่านได้ยิงใส่เครื่องบินตรวจตราไร้คนขับที่ควบคุมด้วยวิทยุทางไกลที่ไม่ ได้ติดอาวุธในน่านฟ้าระหว่างประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 1 พฤศจิกายน นายมาร์ค โอไบร์น จากโกลด์คอร์ล ระบุในรายงานว่า นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า การได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีบารัก โอบามานั้นเป็นแผนงานที่ดีที่สุดสำหรับทองคำ เนื่องจากเกี่ยวพันกับนโยบายทางการเงินและการคลัง ทั้งนี้ นายโอบามา จะเผชิญกับอัตราการว่างงานที่สูงมาเป็นเวลานาน การเติบโตของเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างอ่อนแอ และภาวะ Fiscal Cliff ที่ใกล้กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้มีการกล่าวถึงการเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองที่ยากลำบากในรูปแบบของอิสราเอล อิหร่าน รัสเซีย และจีน ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัก โอบามาจากพรรคเดโมแครตเอาชนะผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน นายมิตต์ รอมนีย์ ด้วยคะแนนเสียงโหวตในระบบคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) 303 ต่อ 206 เสียง นอกจากนี้พรรคเดโมแครตยังได้รับเสียงจากสภาผู้แทนราษฎร แต่ไม่เพียงพอที่จะแย่งชิงเสียงจากพรรครีพับลิกันได้ โดย ณ ขณะนี้ดูเหมือนจะเป็นการเผชิญหน้ากับภาวะ Fiscal Cliff ที่จะเข้ามาถึงเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า ภาวะ Fiscal Cliff เป็นการเพิ่มภาษีและตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐบาล ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อัตโนมัติในปีหน้า สิ่งนี้เป็นอุปสรรคหลักๆ สิ่งแรกสำหรับรัฐบาลของนายโอบามาในการเจรจาต่อรอง ทั้งนี้ ความเสี่ยงก็คือการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่มีการลดค่าใช้จ่ายราว 6.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐออกจากจีดีพีของสหรัฐจะส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในท้ายที่สุด จึงทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างพันธบัตรสหรัฐ สกุลเงินดอลลาร์ และทองคำ ทางด้านฝั่งยุโรป เมื่อวานนี้มีการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ซึ่งนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบีแทบไม่ได้กล่าวสิ่งแปลกใหม่อะไร หรือแม้แต่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยใดๆ โดยสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนหลังจากที่อีซีบีคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเท่าเดิม 0.75% และกล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนแสดงสัญญาณการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยก่อนสิ้นปี แม้จะมีการผ่อนคลายทางการเงินในตลาดก็ตาม นายโจโน่ เรมิงตัน ฮ็อบส์ นักวิเคราะห์จากฟาสต์มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า โดยภาพรวมเขารู้สึกว่า ความเห็นที่สำคัญๆ ของนายดรากีออกมาตั้งแต่เมื่อวันพุธในการประชุมกับกลุ่มธุรกิจเยอรมนี ไม่ใช่เมื่อวานนี้ โดยเมื่อวันพุธ เขาได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการให้เยอรมนียอมรับว่าธุรกิจของเยอรมนีกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความวุ่นวายในยุโรป นอกจากนี้ นายฮ็อบส์ยังได้คาดการณ์ถึงแผนทั้งหมดที่นายดรากีจะลดระดับการเติบโตของเศรษฐกิจในยูโรโซนและสหภาพยุโรป (ซึ่งอีซีบีจะทำในเดือนธันวาคม) ในขณะที่นายดรากีก็กำลังโน้มน้าวความคิดที่ว่า มาตรการ LTRO ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การลดอัตราดอกเบี้ย การลดอัตราเงินฝาก และการนำมาตรการ OMT มาใช้ไม่ได้มีผลกับภาวะเงินเฟ้อ เมื่อวานนี้ประธานอีเอสเอ็มกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ยังคงมีความเสี่ยงจากการให้กู้ยืมเพื่อการช่วยเหลือทางการเงินที่จะมีการจ่ายชำระหนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้ที่ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง นอกจากนี้ เมื่อวานนี้สเปนมีการประมูลขายพันธบัตรไปได้ในจำนวน 4.8 พันล้านยูโร ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่เป็นบางส่วนจากภาวะหนี้สินระยะยาวนั่นเอง สำหรับกรีซ นายโวล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนีกล่าวว่า กรีซจะต้องรอการช่วยเหลือทางการเงินรอบถัดไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้ว่ามาตรการรัดเข็มขัดจะได้รับอนุมัติจากรัฐสภากรีซในสัปดาห์นี้แล้วก็ตาม ซึ่งนายโวล์ฟกังเตือนว่า ดูเหมือนกรีซจะไม่สามารถสรุปข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ระหว่างประเทศในเรื่องการช่วยเหลือทาง credit line ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ นายโมฮัมมัด แอล-อีเรียน CEO ของพิมโก้ ระบุว่า ตัวเลขที่มีการประกาศเมื่อวานนี้ช่างเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายต่อกรีซยิ่งนัก เมื่ออัตราคนว่างงานประจำเดือนสิงหาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 25.4% นับเป็นสถิติใหม่ของกรีซ และยังเป็นสัญญาณเตือนถึงอัตราคนตกงานสำหรับช่วงอายุ 15-24 ปี ที่ระดับ 58% จึงเป็นเหตุผลที่เชื่อได้ว่าในอนาคตรายงานการจ้างงานอาจเป็นเหตุการณ์ที่แย่ลงตามมานั่นเอง ปริมาณความต้องการทองคำในอินเดียได้รับผลกระทบจากราคาที่สูง ด้วยผู้นำเข้าทองคำในอิเดียหยุดการเข้าซื้อทองคำแม้ว่าจะใกล้เข้าถึงช่วงเทศกาลดิวาลีในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม จีนอาจช่วยชดเชยการบริโภคทองคำที่อ่อนแอของอินเดียในช่วงเทศกาลแต่งงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เป็นแบบฉบับของปีในการเข้าซื้อทองคำ โดยมีการคาดการณ์ว่า ปริมาณความต้องการทองคำของจีนจะเติบโต 1% ในปีนี้สู่ระดับสูงสุดราว 860 ตัน เอาชนะอินเดียในฐานะผู้บริโภคทองคำอันดับ 1 ของโลกเป็นครั้งแรกในรายปี ปริมาณการถือครองทองคำของกองทุน Gold ETFs เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 75.133 ล้านออนซ์เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ในเช้านี้ ราคาทองคำขยับตัวสูงขึ้นมาเข้าสู่การปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดทั้งสัปดาห์ในรอบมากกว่า 2 เดือน จากความคาดหวังว่านโยบายผ่อนคลายการเงินยังคงอยู่ต่อไป หลังจากที่นายบารัก โอบามาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Fiscal Cliff ที่เริ่มปรากฏขึ้นลางๆ ได้ขับเคลื่อนความต้องการสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เมื่อช่วงเวลา 8.30 น. ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนประกาศตัวเลข CPI ออกมาที่ระดับ 1.7% ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 1.9% ในขณะที่ PPI ของจีนออกมาลดลง 2.8% ในเดือนตุลาคมจากปีก่อนหน้านี้ เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ที่ระดับติดลบ 2.7% และครั้งก่อนที่ระดับติดลบ 3.6% ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Trade Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -44.2B คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -44.9B ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ -41.5B - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 363K คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 367K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 355K ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Import Prices m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 1.1% คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.0% - Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 82.6 คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 82.6 วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำอยู่ในช่วงของการกลับตัวสูงขึ้น โดยที่เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่าวดีที่เข้าสู่ตลาดทองคำคือการที่อาจจะเกิดมาตรการแก้ปัญหาเรื่อง Fiscal Cliff และเรื่องของภาวะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน รวมไปถึงการที่ยังดำเนินใช้มาตรการ QE3 ในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ หุ้นดาวโจนส์ยังปรับตัวลดลงท่ามกลางความกังวลในภาวะ Fiscal Cliff ซึ่งในทางกลับกันเป็นผลดีต่อราคาทองคำ โดยวันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะไม่ได้มีผลอะไรมากจากตัวเลข Consumer Sentiment ในขณะที่ในเชิงเทคนิคนั้น ราคาทองคำเมื่อคืนนี้ปรับตัวสูงขึ้นโดยมีการแกว่งตัวซื้อขายบริเวณ 1,720 เหรียญ ก่อนที่จะค่อยๆ ขยับสูงขึ้นไปที่ระดับ 1,730 เหรียญในช่วงปิดตลาดในช่วงท้าย โดยที่ราคามาพุ่งทะลุ 1,730 เหรียญในช่วงประมาณตี 3 บ้านเรา หลังจากนั้นราคาก็ทรงตัวเหนือระดับ 1,730 เหรียญมาได้ตลอด ณ ขณะนี้ราคาอยู่ที่ระดับประมาณ 1,734 เหรียญ โดยภาพรวมจะเห็นได้ว่าราคาทองคำเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น หลังจากที่ราคาสามารถทะลุขึ้นมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้น ของกราฟรายวันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาขึ้นมาเหนือยืนระดับ 1,730 เหรียญ ได้อย่างมั่นคง จะทำให้ราคาทองคำจะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ แนวต้านถัดไปอยู่ที่ระดับ 1,750 เหรียญ โดยที่แนวรับขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,722 เหรียญ ในขณะที่ค่าเงินบาทเองยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อคืนมาที่ระดับประมาณ 30.69 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเมื่อวานประมาณ 2 สตางค์ โดยภาพรวมจะเห็นได้ว่าราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น หลังจากที่มีการแกว่งตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Gold Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,220 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,420 บาท Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 25,360 บาท และแนวต้านที่ระดับ 25,560 บาท Silver Futures Z12 จะมีแนวรับที่ระดับ 990 บาท และแนวต้านที่ระดับ 1,030 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวในทิศทางขาขึ้นในกรอบ 1,722 — 1,740 เหรียญ แนะนำให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ปรับเพิ่มพอร์ทขึ้นมาเป็น 50% ทยอยเข้าช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวโดยตลอด นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ซื้อสะสมปรับพอร์ทขึ้นมาเป็น 40% ราคาเป้าหมายในการขายอยู่ที่ 1,750 เหรียญ เป็นเป้าหมายระยะสั้นๆ ในขณะที่แนว Stop Loss จะอยู่ที่บริเวณ 1,700 เหรียญ บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ