กรุงเทพฯ--28 ก.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตของ บริษัท ไทยคอมเมอร์เชียล ออโต้ จำกัด และหุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ที่ระดับ “BBB+” โดยสะท้อนการสนับสนุนที่แข็งแกร่งทั้งในด้านธุรกิจและการเงินที่บริษัทได้รับจากผู้ถือหุ้นจำนวน 3 ราย รวมทั้งฐานะทางการเงินและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีของบริษัท ในฐานะที่บริษัททำหน้าที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์จากกลุ่มยนตรกิจ อันดับเครดิตของบริษัทจึงพิจารณาถึงประสบการณ์ที่ยาวนานของกลุ่มยนตรกิจในฐานะผู้จัดจำหน่ายรถยุโรปและรถเกาหลีในตลาดเมืองไทย รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งถูกลดทอนไปบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงทั้งในธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อระดับการแข่งขันและการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อของบริษัท ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทในระดับ “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานตามที่คาดการณ์ไว้ แม้จะอยู่ภายใต้ภาวะการแข่งขันที่รุนแรงซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทและเป็นช่วงวงจรขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยก็ตาม แต่การสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจากผู้ถือหุ้นใหญ่จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาฐานะทางธุรกิจและการเงินให้สอดคล้องกับที่ได้ประมาณการเอาไว้ได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยคอมมเอร์เชียล ออโต้ ได้รับการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่ในการสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและการเงินดังนี้ บริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด มีบทบาทสำคัญในการวางระบบธุรกิจเช่าซื้อและระบบการบริหารความเสี่ยงให้แก่บริษัท ในขณะที่ บริษัท ลีนุตพงษ์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มยนตรกิจ ให้การสนับสนุนธุรกิจผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของกลุ่ม และ ITOCHU Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ให้ความช่วยเหลือในกิจกรรมการจัดหาทุนให้แก่บริษัท
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทไทยคอมเมอร์เชียล ออโต้ มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมในระดับ 30% ในช่วงปี 2545-2546 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าอัตราส่วนเฉลี่ยที่ระดับ 12% ของผู้ประกอบการให้เช่าซื้อรายใหญ่ 29 รายในประเทศไทย ณ สิ้นปี 2546 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ 3.03% ในขณะที่มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 9.96% เทียบกับในปี 2545 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.30% และ 8.71% ตามลำดับ บริษัทใช้ทุนจดทะเบียนเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งเงินทุนระยะยาวและติดตามประเมินส่วนต่างของสินทรัพย์และหนี้สินอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน ในปี 2546 บริษัทได้ออกหุ้นกู้มูลค่า 500 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงให้โครงสร้างหนี้สินสอดคล้องกับโครงสร้างของสินทรัพย์ คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจากบริษัทมีระบบการอนุมัติสินเชื่อที่เป็นมาตรฐานเดียวกับของ บง. ทิสโก้ ซึ่งรวมถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2546 สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีสัดส่วน 0.44% ของสินเชื่อเช่าซื้อรวมถัวเฉลี่ยของบริษัท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 1% ของบริษัทคู่แข่งรายอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง
ในปี 2547 บง. ทิสโก้ ได้ดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจแบบรวมกลุ่มบริษัทและดำเนินธุรกิจของกลุ่มแบบรวมศูนย์ โดยบริษัทจะให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์แก่เฉพาะกลุ่มยนตรกิจ ในขณะที่ บง. ทิสโก้ จะให้บริการนอกกลุ่มยนตรกิจ ดังนั้น
ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มยนตรกิจจะมีอิทธิพลโดยตรงต่อทิศทางธุรกิจของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าความชำนาญและประสบการณ์ที่ยาวนานในการจำหน่ายรถยนต์ของกลุ่มยนตรกิจและแนวโน้มตลาดรถยนต์ไทยที่ดีจะสนับสนุนธุรกิจของบริษัทต่อไปได้ในอนาคต--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--