กรุงเทพฯ--12 พ.ย.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
นายปิยะ ซอโสตถิกุล กรรมการบริหารกลุ่มซีคอน เจ้าของโรงแรมเรเนซอง ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา กล่าวถึงภาพรวมภาวะการท่องเที่ยวของ จ. ภูเก็ต ในปีนี้คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นราว 15% ถึงแม้ว่าประเทศในแถบยุโรปตะวันตกจะประสบปัญหาภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินก็ตาม เกาะภูเก็ตโชคดีที่มีอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและชาวจีนอยู่ในเกณฑ์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 30% ใน 3 ปีที่ผ่านมา คาดว่าในปี 2012 จะมีนักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศนี้มาเยือนภูเก็ต ประเทศละ 300,000 คน ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศสูงเป็นอันดับ 2 และ 3 รองจากประเทศออสเตรเลียที่มีจำนวน 500,000 คน ส่วนอัตราการเข้าพักในโรงแรมน่าจะสูงถึง 70% ในขณะที่อัตราค่าห้องพักเพิ่มสูงขึ้น 5% ซึ่งขึ้นอยู่กับโรงแรมแต่ละประเภท
ผู้ประกอบการโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในเมืองภูเก็ตและอยู่บริเวณหาดแต่ห่างจากทะเลค่อนข้างมาก จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากราคาห้องพักไม่สูงมากนัก อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ชอบเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ มากกว่าการทำกิจกรรมอยู่กลางแดด ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจะเลือกห้องพักตั้งแต่อพาร์ทเม้นต์ระดับ 2 ดาว ไปจนถึงถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่ตั้งต้องอยู่ใกล้ชายหาด
“เราพอใจกับผลการดำเนินงานและผลประกอบการของโรงแรม โดยในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เราได้รับรางวัลหลายรางวัลด้วยกัน อาทิเช่น รางวัลโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2 ปีซ้อน โดย TUI Nordic ซึ่งเป็นตัวแทนสำนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดสำหรับชาว Scandinavian เราคาดหวังว่าปีนี้จะมีอัตราการเข้าพักถึง 75% ในขณะเดียวกันอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยก็จะดีกว่าที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากมียอดการจองห้องพักโดยตรงแบบไม่ผ่านตัวแทนเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งห้องพักแบบวิลล่าก็เป็นที่นิยมของลูกค้า”
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าโรงแรมทุกแห่งที่จะประสบความสำเร็จเหมือนกัน เนื่องจากปัญหาเรื่องการเพิ่มขึ้นของห้องพักเป็นจำนวนมาก ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีมีห้องพักเพิ่มขึ้นถึง 1,500 ห้อง จากการเปิดตัวโรงแรมใหม่ เช่น โรงแรมฮอลิเด อิน เอ็กซ์เพรส ที่ป่าตอง, โรงแรมพูแมน ภูเก็ต ที่นายทอน และโรงแรมรีเจนท์ ภูเก็ต ที่เคปพันวา ทำให้การแข่งขันด้านราคายังคงสูง ส่งผลให้หลายโรงแรมไม่สามารถขึ้นราคาห้องพักได้
นายปิยะ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “กลยุทธ์ของเราคือการคงราคาอัตราค่าห้องพักตามมาตรฐานโดยไม่ปรับลดลงเพื่อแย่งลูกค้า แต่เราจะให้ความสำคัญในเรื่องการให้การบริการที่ดีและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าจนมีการแนะนำกันแบบปากต่อปากหรือไป Comment ใน Website เช่น Tripadvisor ซึ่งในช่วงแรกอาจทำให้อัตราการเข้าพักลดลงไปบ้าง แต่ปัจจุบันเอเยนต์ทุกรายจะเข้าใจเราและส่งลูกค้าให้โดยไม่ต่อรองราคามากนัก เพราะผลประเมินจากลูกค้าที่เคยมาพักอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เราพยายามที่จะทำการตลาดแบบ Package กับกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในช่วง Low season เช่น การจัดงานแต่งงาน, การจัดสัมมนาต่างๆ รวมถึงคู่ฮันนี่มูนชาวเกาหลีที่ชอบการพักในวิลล่าเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น นับถึงปลายปีนี้ เราจะมีลูกค้ามาจัดงานแต่งงานที่โรงแรมรวมแล้วเป็นจำนวน 33 คู่ หรือคิดเฉลี่ยทุก 10 วันมีการจัดงานแต่งงาน 1 ครั้ง เมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้วมีเพียง 6 คู่เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลีย”
ปัญหาเร่งด่วนและท้าทายที่สำคัญอันหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยวภูเก็ต คือการแก้ปัญหาความแออัดของสนามบิน โดยเฉพาะในช่วง High season ที่จะมีเที่ยวบินประเภทเหมาลำเพิ่มขึ้นวันละ 20 เที่ยว ส่วนปัญหาในระยะกลางที่ต้องแก้ไข คือเรื่องของตลาด MICE ซึ่งภูเก็ตจะได้รับประโยชน์อย่างมากหากมีการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ ที่ล่าช้ามาหลายปีแล้ว รวมทั้งการขยายถนนและสร้างระบบการขนส่งมวลชนและรวมถึงการเดินทางไปจังหวัดพังงาและกระบี่
“ในปีนี้ สนามบินภูเก็ตจะต้องรับจำนวนผู้โดยสารมากกว่า 9 ล้านคน ในขณะที่ปริมาณผู้โดยสารสูงสุดที่สนามบินสามารถรับได้เพียง 6.5 ล้านคน ปัจจุบัน จะมีเครื่องบินขึ้น-ลงทุก 5 นาทีบนรันเวย์เดียว และหลายสายการบินไม่สามารถหาช่วงเวลาลงได้จนถึงเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก จ. ภูเก็ต เป็นแหล่งสร้างรายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติมากกว่า 10% ของทั้งประเทศ ผมเชื่อว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนในด้านการลงทุน”