บริษัทเหมราชประกาศ -กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2555 จำนวน 1,583.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 937

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 14, 2012 10:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ บริษัทเหมราชประกาศ -กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2555 จำนวน 1,583.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 937 -มีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 1,438.3 ล้านบาท -รายได้จากการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2555: จำนวน 4,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 -รวมยอดขายที่ดิน 1,952 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 120 -เป้าหมายยอดขายที่ดินปี 2555 เป็น 2,300 ไร่ บริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานสำหรับ 9 เดือนแรกปี 2555 สรุปได้ดังนี้ กำไรสุทธิ ในไตรมาส 3 ปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 629.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 307 จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.065 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 313 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ในไตรมาส 3 ปี 2555 เท่ากับ 475.4 ล้านบาท สำหรับงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,583.5 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 937 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิสำหรับงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2555 มาจากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มีการเพิ่มขึ้นของยอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินส่งผลให้มีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น และยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า โดยมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงจาก โครงการเก็คโค่-วัน เป็นจำนวน 145.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง 162.7 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้สำหรับงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2555 เท่ากับ 1,438.3 ล้านบาท นายเดวิด นาร์โดน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า “สิ้นสุดไตรมาส 3 ปี 2555 บริษัท มีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ 9 เดือนแรกของปี2555 รายได้รวมจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ได้ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันการรับรู้รายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมสามารถคาดการณ์ได้มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 220 ซึ่งสะท้อนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายได้รวมของบริษัทฯยังสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของกำลังการผลิตของโรงงานตั้งแต่ปี 2554เป็นต้นมา และยังมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเช่าโรงงานสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา การลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงธุรกิจโลจิสติกส์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าสำหรับอุปโภคและบริโภคและอื่นๆ การเติบโตของการผลิตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยในปี 2555 มีเป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ 2.2 ล้านคัน และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ถึง 3 ล้านคัน ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า การลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่งจาก 11 ไตรมาสที่ผ่านมามากกว่าครึ่งหนึ่งของสัญญาของบริษัทมาจากการลงทุนของลูกค้าญี่ปุ่น ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯได้มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,952 ไร่ (780 เอเคอร์ หรือ 312 เฮคตาร์) โดยมีสัดส่วนทางการตลาดเป็นอันดับ 1 จากสัญญาจำนวน 87 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 56 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 31 ราย ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินปี 2555 เป็นครั้งที่ 3 เป็น 2,300 ไร่ จากเป้าหมายเมื่อต้นปีที่ 1,500 ไร่ พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 50,017 ตารางเมตรหรือร้อยละ 31 จากปีสิ้นปี 2554 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าที่จะเริ่มเช่าในปี 2555 และ 2556 คิดเป็นพื้นที่รวม 35,463 ตารางเมตร จากการขยายธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปในหลากหลายทำเลและประเภทของโรงงานสำเร็จรูปที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทได้เริ่มโครงการเหมราชโลจิสติกส์พาร์คใน 4 ทำเลตั้งอยู่ทั้งในและใกล้นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์ทซีบอร์ดทั้ง 3 แห่งของบริษัทในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา และจะเริ่มเห็นการเช่าคลังสินค้าหลังจากที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2556 สำหรับงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,637 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 78 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 เนื่องมาจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น และมีรายได้สุทธิของผลการดำเนินงานจำนวน 1,583.5 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 1,438.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้เท่ากับ 315.3 ล้านบาท ของงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2554 สำหรับธุรกิจพลังงาน โครงการเก็คโค่-วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าอิสระขนาด 660 เมกะวัตต์ ได้เริ่มการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ซึ่งจะเริ่มมีรายได้จากการดำเนินงานตั้งแต่สิ้นงวดไตรมาส 3 เป็นต้นไป นโยบายการลงทุนของบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภค ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโรงงานสำเร็จรูป โลจิสติกส์พาร์คและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังจะเห็นได้จากภาพรวมของรายได้และผลการดำเนินงานที่เติบโตจากโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ตระหนักถึงความท้าทายอันเกิดจากสภาพเศรษฐกิจของโลกและความเป็นได้ของการชะลอตัวของการลงทุนในภาคธุรกิจการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม จากต้นทุนของค่าเงินและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการเข้าถึงอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่นๆ ส่งผลให้มีการย้ายฐานการลงทุนมายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องความเสี่ยงของบริษัทจากภาระผูกพันที่เพิ่มขึ้นของการลงทุนในธุรกิจพลังงานและการลงทุนด้านอื่นๆจะลดลงด้วยการคาดการณ์ของรายได้ที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ ยังจะคงกลยุทธในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว” รายได้รวมและผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก ปี 2555 สำหรับงวดระยะเวลา 9 เดือนแรกของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,637 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 2,605.3 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 โดยมีรายได้จากธุรกิจหลักจำนวน 4,659.1 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 77 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้การขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมในครึ่งปีแรกปี 2555 มีจำนวน 2,941.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 220 และมีรายได้จากการขายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่รอการรับรู้อีกเป็นจำนวน 3,510 ล้านบาทที่จะรอการรับรู้ในช่วง 3-24 เดือนข้างหน้าด้วยวิธีการรับรู้รายได้ทั้งจำนวนเมื่อมีการโอน รายได้จากระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 1,033.1 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเท่ากับร้อยละ 17 ซึ่งเกิดจากปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น รายได้จากระบบสาธารณูปโภครวมซึ่งรวมถึงค่าบริการระบบสาธารณูปโภคในนิคมอุตสาหกรรม และเงินปันผลจากบริษัทร่วมด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และค่าบริการระบบสาธารณูปโภคและบริการอื่นๆ จำนวน 1,076 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 รายได้จากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์และการให้บริการที่รวมถึงการเช่าโรงงานสำเร็จรูป การให้เช่าโลจิสติกส์พาร์ค การให้เช่าฐานวางท่อ และการให้เช่าสำนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 533.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่รวมถึงการขายโรงงานสำเร็จรูป การขายโครงการที่พักอาศัย ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ลดลงเป็น 108.1 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 73 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจำนวน 2,133.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) จำนวน 1,667.9 ล้านบาท ด้วยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA Margin) ที่ 46% และ 36% ตามลำดับ เหตุการณ์สำคัญใน 9 เดือนแรก ปี 2555 - บริษัทฯ มียอดขายที่ดินอุตสาหกรรม จำนวน 1,952 ไร่* จาก 87 สัญญา โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้าใหม่จำนวน 56 รายและจากการขยายกิจการของลูกค้ารายเดิมจำนวน 31 รายซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของบริษัท รวมจำนวนลูกค้าจนถึงปัจจุบันทั้งสิ้น 531 รายจากสัญญาซื้อขายทั้งสิ้น 804 สัญญา เป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวน 180 รายจากจำนวน 279 สัญญา - พื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 หรือ 50,017 ตารางเมตร จากสิ้นปี 2554 และมีสัญญาเช่าล่วงหน้าคิดเป็นพื้นที่รวม 35,463 ตารางเมตร - บริษัทฯ ยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจพลังงาน โดยถือหุ้นร้อยละ 35 ในโครงการเก็คโค่-วันซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้าอิสระ ได้เริ่มการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ในเดือนมีนาคม ปี2555 บริษัทฯ ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้น กับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด เพื่อร่วมลงทุนและพัฒนาธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังการผลิด 126 เมกกะวัตต์ ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมเหมราชระยอง โดยบริษัทฯ จะเข้าถือหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 25 - บริษัทฯ ซื้อที่ดิน 228.15 ไร่ บนเกาะล้าน พัทยา โดยจะพัฒนาเป็นโครงการที่ประกอบด้วยรีสอร์ทและสถานที่พักผ่อน - คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2555 จำนวน 0.04 บาทต่อหุ้น มีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 กันยายน 2555 *จาก 1,952 ไร่,5.3% หรือ 103 ไร่ เป็นพื้นที่เช่าของโรงงานสำเร็จรูป งบดุลรวมสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2555 ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 บริษัทฯ ได้แสดงสินทรัพย์รวม จำนวน 25,324 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 15,093 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น จำนวน 10,234 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนของหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ 1.22 ต่อ 1 โดยมีเงินสดและเงินฝากเป็นจำนวน 2,659 ล้านบาท รายละเอียดเพิ่มเติมของบริษัทเหมราช สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.hemaraj.com หรือ www.theparkresidence.co.th หรือติดต่อทางอีเมล์ที่ invest@hemaraj.com หรือ 02-719-9555-9 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริษัท แบรนด์คอม คอนซัลแทนส์ จำกัด คุณไพลิน บูรณะมิตรานนท์ / คุณกรณิการ์ พีรานนท์ โทร. 0-2314-6877-9 โทรสาร 0-2318-8847 www.hemaraj.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ