กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--เดอะ เวย์ คอมมิวนิเคชั่น
บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2555 รายได้ 4,426 ล้านบาท กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) 108 ล้านบาท เติบโต 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว มุ่งเน้นการให้บริการสู่ตลาดประเทศจีน ย้ำการย้ายบริการทุกเที่ยวบินสู่ดอนเมืองทำให้บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ผู้นำในธุรกิจสายการบินราคาประหยัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของ AAV ในไตรมาส 3/2555 มีรายได้ 4,426 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) 108 ล้านบาท เติบโต 12.7% สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรก ของปี 2555 บริษัทฯ มีรายได้ 10,481 ล้านบาท กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่) 15,241ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมในไตรมาส 2/2555 จำนวน 14,690 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2555 ไทยแอร์เอเชียมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) อยู่ที่ 82% เพิ่มขึ้น 2 จุด จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ได้ขนส่งผู้โดยสารจำนวนประมาณ 2 ล้านคนหรือเพิ่มขึ้น 21.8% ในขณะที่ 9 เดือนแรกปี 2555 มี load factor อยู่ที่ 82% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 81% โดยขนส่งผู้โดยสารกว่า 6 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 19.6% ปีต่อปี โดยในไตรมาส 3/2555 บริษัทได้รับมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 ลำ ส่งผลให้มีฝูงบินเป็นจำนวน 25 ลำ ณ สิ้นไตรมาส
“จากการขยายฝูงบินอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทฯ สามารถขยายการเติบโตในการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ และเพิ่มจำนวนเที่ยวบินในเส้นทางบินหลักในประเทศได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปีนี้ไทยแอร์เอเชียได้เปิดเส้นทางบินสู่ประเทศจีนถึง 3 เมืองอันได้แก่เมืองฉงชิ่ง อู่ฮั่น และ ซีอาน ซึ่งได้ผลการตอบรับจากผู้โดยสารเป็นอย่างดี เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายเครือข่ายการบินในอนาคต” นายทัศพลกล่าว
นอกจากนี้ นายทัศพล ยังประเมินถึงการย้ายฐานปฏิบัติการการบินมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ตั้งแต่1 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ว่าทำให้สายการบินสามารถบริหารจัดการการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองมีการจราจรทางอากาศที่ไม่แออัด มีขนาดและความเหมาะสมต่อระบบการจัดการของสายการบินราคาประหยัดอย่างแอร์เอเชีย ทำให้ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานได้ อีกทั้งท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองมีสถานที่ตั้งใกล้ใจกลางเมือง สะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกับผู้โดยสารในประเทศ ฐานปฏิบัติการการบินใหม่นี้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกก้าวความสำเร็จสำคัญของ AAV” นายทัศพลกล่าวสรุป