กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--ซีพีเอฟ
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวถึงผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนของบริษัท ว่า ในปีนี้หลังจากการดำเนินการเข้าซื้อธุรกิจในประเทศจีนและเวียดนามแล้วเสร็จในต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ซีพีเอฟมียอดขายจำนวน 262,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% จากปี 2554 และมีกำไรสุทธิจำนวน 18,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36%
ในส่วนของกำไรไตรมาส 3 ปี 2555 จำนวน 2,404 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 53% นั้น เป็นผลมาจากอัตราการทำกำไรขั้นต้นจากธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ลดลงจากปีก่อน จากระดับราคาเนื้อสัตว์ต่ำกว่าระดับราคาในปี 2554 ประกอบกับต้นทุนในการผลิตโดยเฉพาะราคาวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งปี 2555 นี้ นับได้ว่าเป็นปีที่มีปัจจัยภายนอกหลายประการที่มีผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัท เช่น ภาวะวิกฤตภัยแล้งในสหรัฐฯที่มีผลต่อราคาวัตถุดิบ ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เป็นไปตามที่ได้คาดไว้ ภาวะผลผลิตล้นตลาด ทำให้ปีนี้ซีพีเอฟไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
อย่างไรก็ดี บริษัทมองว่า สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นจากนี้ไป และยังคงไม่ชะลอโครงการลงทุนต่างๆ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยในประเทศไทยจะเป็นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหาร ซึ่งรวมถึง การขยายกำลังผลิตอาหารพร้อมรับประทาน และการขยายช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าอาหาร เช่น การเริ่มทดลองโครงการ CP Food World ซึ่งได้เริ่มโครงการแรกไปที่อาคารปิยราชมหาการุณย์ โรงพยาบาลศิริราช จึงคาดว่าปีหน้าบริษัทน่าจะคงระดับการเติบโตของธุรกิจไว้ได้ที่ประมาณ 15-20% จากปีนี้