กรุงเทพฯ--29 ก.ย.--ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น
สัมภาษณ์ปกาศิต โบสุวรรณ : ปั๋ง รับบทเป็นหมอบุญปรก
- ในอุกกาบาตรับบทเป็นอะไร รับบทเป็นหมอบุญปรก เป็นอาจารย์หมอทางประสาทวิทยา เป็นจิตแพทย์ด้วยและทางโรคประสาทด้วยเป็นอาจารย์ของหมอโอม คือต็อก รับบทนี้ และก็จะรู้ว่าหมอโอมเป็นหมอที่มีความสามารถหลายด้านและเป็นคนที่มีพลังจิต เขาสามารถจะสื่อสารและเข้าถึงปรากฎการณ์ที่เหลือเชื่อได้ มีความสามารถเหนือคนธรรมดา
- อุกกาบาตน่าสนใจตรงไหนถึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย
ครั้งแรกเลยดีใจมาก พอทราบว่าเป็นงานของอาบัณฑิตเพราะอาเป็นคนที่ทำหนังจริงๆ เป็นคนที่อยู่ในวงการหนังมานานแล้ว มีผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมายพออาเลือกผมก็ดีใจมากรีบรับงานนี้เลย
- ได้ดูบทก่อนรับงานไหม
ก็พอทราบมาเหมือนกัน่าต้องเล่นเป็นหมอ เป็นจิตแพทย์ ก็รู้สึกว่ามันไม่ยาก มันคงจะยากตรงที่เราอาจจะต้องหัดพูดพวกศัพท์ทางการแพทย์ แต่พอไปถ่ายจริงๆ มันไม่ใช่อย่างที่เราคิด บอกตรงๆ เลยว่าอาบัณฑิตจะเป็นคนที่ละเอียดมาก แก่เป็นนักทำหนังจริงๆ ผมได้ความรู้จากการทำงานกับอาบัณฑิตมาก จำได้เลยเล่นไปครั้งแรกๆ ผมก็มองหน้าอา สีหน้าแก่ดูเฉยๆ มาก ก็เดาใจได้เลยว่าอาคงคิดในใจว่า ปั๋งมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้แต่อาจะไม่พูดคืออาคงหวังกับเราไว้เยอะ ผมก็เลยถามว่าไม่ไหวเลยใช่ไหม? ...อาก็จะบอกว่าก็โอเค.แต่หน้าดูไม่ปลื้มเท่าไหร่ ที่นี้ผมก็บอกว่ามีอะไรก็บอกได้เลยตรงๆ เท่านั้นล่ะอาบัณฑิตใส่เต็มๆ เลยว่าไอ้ที่เล่นไปมันก็ได้ประมาณหนึ่งแล้วนะ แต่ผมเชื่อว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ที่นี้อาบัณฑิตก็เลยอธิบายให้ฟังว่าบทของหมอบุญปรกซึ่งเป็นอาจารย์หมอจะต้องดูเป็นคนที่ฉลาดมาก กวนประสาทด้วย วิธีการสื่อสารของคนที่มีปัญญามากๆ มักจะชอบมองคนแบบดูถูก ในใจลึกๆ จะคิดอย่างนั้น เพราะมั่นใจว่าเป็นคนที่ฉลาด ก็เลยมักจะมีอารมณ์กวนๆ เยอะๆ เป็นคนที่ขี้สงสัยซึ่งเป็นธรรมชาติของหมอ ต้องคอยวิเคราะห์ตลอดเวลา มีความมั่นใจในตัวเองสูง และบางทีก็จะดูเคลียดๆ ไอ้ตรงนี้ผมก็เข้าใจแต่ตอนแรกๆ ผมก็ไม่กล้าเล่นมากเดี๋ยวจะหลุดว่ามันดูมากเกินไป ซึ่งจริงๆ แล้วอาบัณฑิตต้องการเลยที่นี้ก็เต็มที่เลย แต่จริงลักษณะของหมอบุญปรกจะตรงกันข้ามกับชีวิตจริง คือผมเป็นคนไม่เคลียด แต่กวนๆ อาจมีบ้าง
- เป็นการร่วมงานกับอาบัณฑิตครั้งแรกด้วยเป็นยังไงบ้าง
บอกตรงๆ เลยว่าผมได้ความรู้มากๆ จากการทำหนังกับอาบัณฑิต และผมก็ได้มุ่มมองแปลกจากอาเลยว่าเป็นกองถ่ายที่เคลียดมากๆ ไม่มีใครพูดตลกกัน ซึ่งที่จริงแล้วส่วนตัวอาบัณฑิตเองไม่เคลียด แต่อาจะดุนะ คนอื่นจะโดนดุมากเลยแต่โชคดีที่ผมไม่โดนเลย นักแสดงคนอื่นโดนคือถ้าเป็นผมกลับบ้านแล้ว ประกอบกับว่าบรรยากาศเหล่านี้ส่งผลให้ทีมงานเคลียดไปด้วย มันก็เป็นการกดดันคนอื่นๆ พวกคิวต่างๆ แต่ผมก็เข้าใจนะว่าอาบัณฑิตต้องการให้ทุกอย่างออกมาดี ส่วนในเรื่องการทำงานส่วนตัวของอาบัณฑิต ผมว่าเจ็งมาก
- กับหนังเรื่องนี้ในความคิดของพี่ปั๋งมันน่าสนใจตรงไหน
ผมว่าหนังเรื่องนี้แรกๆ อาจจะดูเหมือนเข้าใจยากนะ เนื่องจากว่ามันมีเนื้อหาแหวกแนวสักหน่อย และมันก็น่าสนใจมากๆ ฉะนั้นวิธีการนำเสนอสำคัญ ถ้าสื่อสารได้ตรงตามเป้าหมาย มีความชัดเจน หนังเรื่องนี้จะน่าสนใจมากอีกเรื่องหนึ่ง
- สำหรับการทำงานร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ เป็นยังไง
ผมจะเข้าฉากเยอะๆ จะร่วมกับน้องฮีน เอราวัต พี่ตุ๋ย ทุกคนจะดูเคลียดมากเลยนะ มันไม่มีใครคุยตลกกันเลยก็มีผมนี่แหละ คือมันไม่ไหวแล้วจะบ้าเหรอเคลียดกันอยู่ได้ ตอนหลังบรรยากาศก็ดีขึ้น มีน้องฮีนนี่และน่ารักดีจะคอยรับมุขเราตลอด ส่วนเอนี่สุดยอดเลยต้องเข้าฉากขับรถ แต่ดันขับรถไม่เป็น และทีมงานก็ไม่รู้ว่าเอขับรถไม่เป็นมาก่อน ผมก็ดูแล้วก็แปลกใจนะ ทำไมเอมันดูเกร่งๆ คงไม่ได้เกรงใจหนังหรอกมั้ง ก็ถามเลยขับรถเป็นไหม ได้ไหม มันบอกไม่เคย เคยแค่ขยับรถถอยหน้าถอยหลังครั้งเดียวเท่านั้นเอง แต่เรื่องนี้มันต้องขับจริงและต้องขับรถในฉากที่หวาดเสียว อยู่ท่ามกลางทัศนะวิสัยที่แย่มากๆ และคนที่นั่งในรถทำไงดีล่ะ พอเข้าเข้าฉากมันไม่ไหว ผมก็จะเป็นคนที่ขับทั้งมือทั้งขานัวเนียนกันตลอดเลย แต่ต้องทำหน้าแบบผมไม่ได้ขับ เป็นฉากที่ตื่นเต้นมากๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตเลย ผมเข้าฉากกับเอก่อน ผมเป็นคนแรกที่ต้องเจอแบบนี้ หลังจากนั้นก็จะเป็นฉากที่พี่ตุ๋ยกับน้องฮีนขึ้นมานั่งด้วย แต่ผมก็ไม่กล้าบอกตรงนะ ก็บอกแบบเลียงๆไป เพราะถ้าไม่บอกเลยเดี๋ยวเขาจะเตรียมตัวเตรียมใจไม่ทัน ก้จะบอกว่า พี่ตุ๋ยเดี๋ยวคอยดูลีลาเอหน่อยนะ ลองดูก็แล้วกันนะ เท่านั้นแหละพี่ตุ๋ยแก่จะเกรงเลย คอยจับตามองเอตลอด แต่น้องเอเป็นคนที่นิสัยดีมากเลย เป็นนักแสดงที่มีความตั้งใจทำงานมาก เขาจะเคลียดมากนะพอมาเจออาบัณฑิต ไปกันใหญ่เลย และกับพี่ตุ๋ยนี่ก็มันส์ดี ในเรื่องเขาจะรับบทเป็นคนไข้ชื่อหมอขัน ซึ่งคิดว่าตัวเองมีวิชามีอาคม และอีกอย่างตัวหมอขันจะมีความรู้สึกพิเศษที่รับรู้ได้ว่าหมอโอมเป็นคนที่มีพลังจิต แต่เขาจะไม่เรียกว่าพลังจิตนะ เขาจะบอกว่าหมอโอมมีของในตัว เหมือนพวกเล่นของทำนองนั้น ยิ่งกับต็อกสนุก ต้อกเป็นคนมันส์ๆ อยู่แล้วเขาเป็นคนที่มีพลังงานเยอะมาก ในการทำงานจะตลกก็ได้จริงจังก็ได้ เขาเก่งนะ แต่พี่ว่าอุ้มสวยนะ
ผมกับฮีนจะเยอะสุดและน้องเขาจะมีประโยคเด็ด อะไรคะอาจารย์ ? จริงเหรอคะอาจารย์ ? ดูแล้วขี้สงสัยกว่าผมอีกนะ
- ฉากไหนที่ประทับใจ
นานมากเลยนะจะจำไม่คอยได้มันมีเยอะ อย่างฉากขับรถก็มันดี ตื่นเต้นดี หนังเรื่องนี้อาบัณฑิตจะถ่ายออกมาภาพจะสวย ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้อง หรือ องค์ประกอบของภาพ จริงๆ ผมจะประทับใจในการทำงานของทีมงานมากกว่า คือจะเป็นกองถ่ายที่มีไฟตลอด ขยันขันแข็งทุกคน นับถือเลย จะประจำมากๆคือถ่ายเช้ายันเช้า และก็เช้าต่อเลยผมอึ่งไปเลย มันมีอยู่วันหนึ่งวันนั้นถ่ายตั้งแต่เช้าจนถึงประมาณ 6 โมงเช้าของอีกวันหนึ่ง เป็นฉากฝนตกตลอด อากาศก็เย็น หนาวมากก็พักแป๊บเดียวก็ถ่ายต่อจนถึง 4 ทุ่ม แล้วเขาก็ปล่อยให้นักแสดงกลับที่พัก
ไอ้เราก็นึกดีใจได้พักแล้ว แต่จริงให้กลับไปอาบน้ำเฉยๆ แล้วกลับมาถ่ายอีก นึกในใจว่าจริงเหรอ เราก็รู้สึกเหนื่อยๆ ท้อๆ เหมือนกันแต่พอหันไปเจอน้องฮีน เขาจะเฉยมาก ไม่เห็นเป็นอะไรเลยผู้หญิงตัวเล็กๆ แท้ๆ เราตัวใหญ่ยังกะควายดันท้อ ก็เลยกลีบไปอาบน้ำแล้วก็กลับมาถ่ายอีกจนถึงประมาณตี 3 และอีกวันก็นัดเช้าประมาณ 6 โมง เป็นยังงี้ประมาณ 6 วันติดๆ กัน ไม่เคยเจอกองถ่ายที่ไหนเป็นแบบนี้ ประทับใจมากครั้งแรกในชีวิต แต่ก็ดีนะเป็นอีกรสชาติหนึ่ง อีกแบบหนึ่ง และผมก็เชื่อนะว่างานจะต้องออกมาดี เนื้อหามันเยอะมากเลย และก็อยากดูเหมือนกันนะว่าตอนที่ใส่เทคนิคต่างๆ เข้าไปแล้วมันจะสนุก มันส์ขนาดไหน
- พี่ปั๋งเชื่อเรื่องพลังจิตไหม
เชื่อครับ ที่จริงมันเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์นะ มันมีจริง มันไม่ใช่ไสยศาสตร์นะ เป็นพลังงานอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในตัวเรา คือเวลาคนที่ตายไปแล้ว ตายปุ๊บแล้วเราเอาศพนั้นไปชั่งน้ำหนักดูซิ น้ำหนักของศพจะหายไป 21 กรัม นั่นคือความเป็นพลังงานมันหายไป เพราะว่ามนุษย์มีพลังงานโดยที่ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงในการเผาผลาญ ในตัวคนมีกลไลที่สามารถเผาผลาญอาหารได้ คือความมีชีวิตมันเป็นพลังงานมันทำให้ร่างกายเราเคลื่อนไหวได้ มันก็เลยมีน้ำหนัก และก็เรื่องของพลังจิต อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวว่ามันน่าจะมาจากการที่เรามีสมาธิ คนที่ท่องคาถาอะไรสักอย่าง หรือ จะสวนมนตร์ก็ตามมันจะมีสมาธิ คือ คนที่มีสมาธิดีก็จะทำอะไรได้ดี หรือวิเศษกว่าคนที่ไม่มีสมาธิ ผมเชื่ออย่างนั้น
- พี่ปั๋งรับบทเป็นหมอโรคจิตต้องไปศึกษาหาข้อมูลก่อนรึเปล่า
ก็โชคดีเคยถ่ายละครที่ศรีธัญญาก็ได้ไปดูอาจารย์หมอที่นั่นว่าเขาเป็นยังไง และก็มีเพื่อนเป็นจิตแพทย์ด้วยก็ได้พูดคุยกัน
- ฉากไหนที่ยากสำหรับพี่ปั๋ง
มันจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่เราไปเจอชาวบ้านตัวดำ เราก็จะต้องสัณนิษฐานว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติ มีการวิเคราะห์สถานการณ์ ฉากนี้จะถ่ายเยอะมาก อย่างพูดประโยคนี้จบต้องหยุด เปลี่ยนมุม พูดต่ออีก บทเยอะมาก และที่สำคัญมันมีแต่ศัพท์ของหมอทั้งนั้นเลย ต้องจำหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง สีหน้า อารมณ์ที่ต้องแสดงออก บทที่ยาวๆ อีก อาบัณฑิตจะเป็นผู้กำกับที่ชอบให้นักแสดงพูดบทของแก่ชนิดพลาดไม่ได้ หมายถึงว่าไม่เอาพูดเข้าปาก เพราะอาเป็นคนเขียนบทเอง อาคิดมาให้แล้วว่าตัวละครแบบนี้ต้องพูดแบบนี้ไม่ต้องการให้พูดแบบปั๋ง แต่เล่นเป็นตัวนี้ คือเราต้องเป็นหมอบุญปรกเลย เราไม่ได้เป็นปั๋งนะ และอาก็ชอบเขียนบทหน้ากองด้วย ปรับไปตามสถานการณ์ จริงๆ มันก็ดีนะ แต่จะเหนื่อยคนทำงานเบื้องล่างนะ ไม่ว่าจะเป็นคิวนักแสดง หรืออย่างอื่น เพราะไม่รู้ว่าวันนี้จะถ่ายอะไร ก็เลยต้องนัดมาไว้ก่อน ที่จริงเราก็รับได้นะ ผมถึงว่ามันแปลกดี แต่ผมไม่ได้เคลียดอะไรนะ แต่มักจะเห็นคนอื่นเคลียดกัน
- คิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะให้อะไรกับคนดู
ในความคิดของผม ที่สำคัญใครที่เป็นคนรักหนังบอกได้เลยว่า หนังเรื่องที่มีมุมกล้อง ภาพสวยๆ มีเทคนิคการสื่อสารทางด้านภาพน่าสนใจมากๆ ต้องไปดู
- ตอนนี้มีโปรเจ็คอะไรใหม่ๆบ้าง
ก็มีหนังอีก 4 เรื่อง และก็มีงานเพลงอีกครับ--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--