กรุงเทพฯ--15 พ.ย.--IR network
ถึงเวลาคัมแบ็คของ บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA ประกาศให้โลกรู้ผลประกอบการไตรมาส 3/55 กำไรขยายตัว 145.55% ส่วน 9 เดือนโตก้าวกระโดดถึง 101.01% แจงเป็นผลมาจากสามารถขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้เพิ่มขึ้น “วิษณุ เทพเจริญ” มองไกลถึงปีหน้าผลงานโดดเด่นยิ่งกว่านี้เพราะปลายปีนี้มีแผนเปิดโครงการขนาดใหญ่เพียบ และจะรับรู้รายได้อีกเพียบในปี 2556
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3/2555 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555ปรากฎว่าสามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิ 53.144 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 145.55% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.642 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปีนี้ยิ่งสร้างความประทับใจขึ้นไปอีก โดยมีกำไรสุทธิ 73.410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 101.01% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 36.52 ล้านบาท
“เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของ NUSA อย่างมาก จากผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นมาได้มากขนาดนี้ ซึ่งน่าจะพูดได้อย่างเต็มปากว่าขณะนี้ถึงเวลาแห่งการเทิร์นอะราวด์ของบริษัทอย่างแท้จริง โดยผลงานที่โดดเด่นในรอบนี้เกิดจากสามารถขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้เพิ่มขึ้น และในอนาคตเชื่อมั่นว่า NUSA ยังคงจะก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2556 จะเป็นอีกปีที่น่าสนใจ เพราะคาดว่าจะมีการเติบโตที่น่าตื่นเต้นมาก เนื่องจากปลายปีนี้เราได้เปิดโครงการใหญ่ๆ ไปหลายโครงการซึ่งจะเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้ในปีหน้า”
ทั้งนี้ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมากลุ่มณุศาศิริเตรียมซื้อที่ดินเนื้อที่รวมประมาณ 300 ไร่ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อพัฒนาเป็นโครงการบ้านและคอนโดมิเนียม ขณะเดียวกันจะแบ่งส่วนหนึ่งประมาณร้อยกว่าไร่เพื่อทำโครงการสวนน้ำและพลาซ่า ชื่อโครงการ The Grand Kingdom ซึ่งจะมีรูปแบบของโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่งขัน โดยในโครงการจะมีพื้นที่พลาซ่าเพื่อให้เช่า แก่ร้านค้าปลีกสำหรับจำหน่ายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการในโครงการ ส่วนรายได้หลักของกิจการจะมาจากการจำหน่ายบัตรเพื่อใช้บริการสวนน้ำ อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงรายได้ค่าเช่าพื้นที่ในส่วนพลาซ่า โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท
และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเพิ่งจะประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับ Villa Medica ศูนย์การแพทย์ทางเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์บำบัด เพื่อลงทุนในโครงการ My Ozone ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านสุขภาพแห่งแรกของประเทศไทย บนเนื้อที่ 1,200 ไร่ ในเขตพื้นที่เขาใหญ่ ที่มีโอโซนมากเป็นอันดับ 7 ของโลก โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 6,000 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยโครงการดังกล่าวจะมีทั้ง บ้านพักสไตล์ยุโรป โฮมมี่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาลและศูนย์ให้บริการทางการแพทย์ อย่าง Villa Medica รวมถึงการวางโครงข่าย 3G และ 4G เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้าน ท่ามกลางสภาพอากาศบริสุทธิ์ และสิ่งแวดล้อมที่ดี